มหกรรมเครื่องปั้นดินเผาบ้านด่านเกวียนโคราช สร้างสีสันการแข่งขันปั้นอ่างใหญ่

งานมหกรรมเครื่องปั้นดินเผาบ้านด่านเกวียนโคราช สร้างสีสันการแข่งขันปั้นอ่างใหญ่ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินสะพัดหลายสิบล้าน

                    นายณรงค์ ปลิวกระโทก หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลด่านเกวียน เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8ว่า ภายใต้การนำของ นางฝน คงศักดิ์ตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลด่านเกวียน ได้กำหนดจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา(มหกรรมเครื่องปั้นดินเผา) ประจำปี 2562 ที่ บริเวณหมู่บ้านชุมชนหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนอย่างแพร่หลาย จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2562

                โดยภายในงานมหกรรมเครื่องปั้นดินเผาบ้านด่านเกวียน จะมีการแข่งขันปั้นอ่างใหญ่ การแข่งขันปั้นเร็ว (ครกน้อยคอยเธอ) การแข่งขันเหยียบดินกินปลา (จับปลาไหลใส่กระบอก)พร้อมทั้งชมวิถีชีวิตชุมชนและศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านกับเครื่องปั้นดินเผา ชมความสวยงามของขบวนแห่ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมอันดีงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน ร่วมไปถึงการแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ,มนต์แคน แก่นคูณ ,เพชรดาราพันธ์ ,ลิเกวรต้อ และการออบูรแสดงสินค้าเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม “ด่านเกวียน” เป็นหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำมูล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเส้นทางการค้าระหว่างโคราชกับเขมร ชาวด่านเกวียนมีอาชีพทำนาทำไร่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล และเริ่มเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผาจากชาวข่า (ชาวเขาเผ่าหนึ่งตระกูลมอญ-เขมร เป็นชนพื้นเมืองเดิมที่มีถิ่นฐานอาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำโขง) ในยุคแรกของการทำเครื่องปั้นจะทำไว้ใช้ในครัวเรือน เช่น โอ่ง ไห ครก ฯลฯ ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์มาเป็นเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านและจัดสวน ตลอดจนเป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ด้วยคุณสมบัติของดินด่านเกวียนเมื่อเผาออกมาแล้วมีลักษณะเป็นสีสัมฤทธิ์ ที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน นอกจากนั้น หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ได้รับเลือกจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เมื่อต้นปี 2548 หนึ่งใน 4 แห่งของประเทศ

>ชมภาพ<<