“วิสาขบูชา พุทธบารมี ปีที่ ๑๒” จัดยิ่งใหญ่ ยาวนานที่สุดในโลก

“วิสาขบูชา พุทธบารมี ปีที่ ๑๒” จัดยิ่งใหญ่ ยาวนานที่สุดในโลก

๒ พ.ค. – ๒ มิ.ย. ๒๕๖๒ ณ มณฑลพิธี ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๓ เดอะมอลล์โคราช

จัดต่อเนื่องอย่างสมบูรณ์แบบเป็นปีที่ ๑๒ สำหรับงานบุญยิ่งใหญ่ สุขใจใกล้ธรรม มูลนิธิพุทธบารมี กองทัพภาคที่ ๒ จังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรภาค ๓ เทศบาลนครนครราชสีมา คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมาและศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จัดงาน “วิสาขบูชา พุทธบารมี ประจำปี ๒๕๖๒”

วันที่ ๒ พฤษภาคม- ๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ระยะเวลา ๓๒ วัน ถือเป็นงานบุญยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดในโลก จัดขึ้น ณ มณฑลพิธี ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๓ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช โดยในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๘.๓๐ น. เป็นพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ และต้อนรับคณะทูตตัวแทนจาก ๕ ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา ภูฏาน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมในพิธีเปิดและ

กล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “วันสำคัญในพระพุทธศาสนาเนื่องในวันวิสาขบูชา”

ภายในงานพุทธศาสนิกชนจะได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ๙ พระองค์ จาก ๔ ประเทศ (อินเดียศรีลังกา เมียนมาร์ และประเทศไทย) ปูชนียะ…สูงค่าแก่การสักการะบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ศึกษาถึงแก่นธรรมของพระพุทธศาสนาจากนิทรรศการ “พุทธธรรม แก่นธรรม แก่นแท้” ที่ปรารถนาเพียงให้นำพระไตรปิฎกออกจากตู้มาสู่ใจ ให้สาธุชนเข้าใจน้อมนำไปปฏิบัติตามมงคล ๓๘ ประการ โดยภายในนิทรรศการได้อัญเชิญตู้พระไตรปิฎกจากวัดพายัพ พระอารามหลวง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รวบรวมพระไตรปิฎก ภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาและภาษาบาลีสันสกฤต ฉบับสยามรัฐ จำนวนทั้งสิ้น ๙๐ เล่มไว้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาถึงแก่นธรรมโดยแท้จริง พร้อมจัดทำห้องฉายแสงสอนคติธรรมบนศิลาจารึก ชื่อห้อง “แสงทอง มองแสงธรรม” และจัดแสดง ธรรมจักร ล้อแห่งธรรม คือจักรแห่งธรรมอันประเสริฐที่พระพุทธเจ้าได้ทรงหมุนให้ขับเคลื่อนไปในใจของชาวโลก เสาอโศก เสาหินโบราณที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระมหาจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมารยะ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ลานธรรมนำปัญญา ให้สาธุชนได้ศึกษาถึงแก่นธรรมเพื่อน้อมนำไปปฏิบัติ พร้อมกันนี้ได้อัญเชิญรูปหล่อจำลองของพระอริยสงฆ์ จำนวน ๖ รูป ได้แก่ ๑.พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ๒.หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ๓.พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต(หลวงปู่มั่น) ๔.พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

๕.พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) ๖.พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) และภาพถ่ายสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)และพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์

สิรินฺธโร) มาประดิษฐานให้สาธุชนได้ศึกษาเส้นทางธรรมภายในนิทรรศการนี้ด้วย

เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสร้างทานบารมีกับกิจกรรมสุขใจได้บุญ อาทิ ร่วมหล่อพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาขนาดหน้าตัก ๒๔ นิ้ว เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมวลสารศักดิ์สิทธิ์, ปิดทองพระพุทธบาท ๔ รอย (จำลอง) , ปิดทองพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ๙ องค์ ๙ วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล , ร่วมสร้างพระพุทธรูปด้วยการถวายแผ่นโพธิ์ทอง, ทอดผ้าป่ามหากุศล, ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุสงฆ์, ตักบาตรหนังสือธรรมะ และในช่วง ๑๘.๐๐ น. ทุกวัน ร่วมสวดมนต์เย็นและนั่งสมาธิเจริญสติและเดินจงกรม โดยสถาบันพลังจิตตานุภาพ

สุขใจ…ฟังธรรมบรรยายทุกวันโดยพระธรรมวิทยากรชื่อดัง อาทิ พระราชธรรมนิเทศ(พระพยอม

กัลยาโณ), พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต, พระราชวิสุทธิประชานาถ(หลวงพ่ออลงกต)และพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันท่องพระสูตร โดยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓-๖ ตัวแทนจากโรงเรียนจังหวัดนครราชสีมาทั้ง ๓๒ อำเภอ เพื่อให้เยาวชนศึกษาและเข้าใจพระสูตรมงคล ๓๘ ประการ

อันเป็นมงคลอันประเสริฐเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตรงธรรม โดยผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดของแต่ละอำเภอจะได้รับรางวัลทุนการศึกษา

วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๓๙ น. ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมกวนข้าวมธุปายาส (ข้าวทิพย์) บริเวณมณฑลพิธี ลานหน้าศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช และในวันเสาร์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๙ น. ร่วมตักบาตรข้าวมธุปายาส เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ มณฑลพิธี ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๓ โดยสามารถส่งข้าวมธุปายาสให้บุคคลที่คุณรักทั่วประเทศไทย โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ภายในงาน

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๘.๐๐ น. ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมปฏิบัติบูชาเนื่องในวันอัฏฐมีบูชา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าร่วมงาน “วิสาขบูชา พุทธบารมี ประจำปี ๒๕๖๒” ได้ตั้งแต่วันที่

๒ พฤษภาคม- ๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ มณฑลพิธี ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น ๓ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage: วิสาขบูชา พุทธบารมี

 

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ที่ผ่านมา  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง  ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลพุดซา  เพื่อหารือและขอมติการรื้อฟื้นตำนานเมืองโบราณของตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา

นายเกรียงศักดิ์  นาคหฤทัย  นายกเทศบาลตำบลพุดซา  พร้อมด้วยนายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา  พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนได้ให้การต้อนรับ ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก  เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป  รวมทั้งยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

ปัจจุบัน  บ้านพุดซา  อยู่ในพื้นที่การรับผิดชอบ ของเทศบาลตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา  ทั้งที่ความจริงบ้านพุดซาแห่งนี้มีเรื่องราว  ตำนานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นโบราณสถานที่ค้นพบสถาปัตยกรรมในสมัยเกาะแกร์  ที่ผสมผสานมาถึงยุค นครวัต – บายน หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึง 18 โดยมีอายุโบราณทางด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ก่อนยุคปราสาทหินพิมาย

นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว  ยังมีบึงขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า  2,500 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า  “บึงพุดซา”  ที่เล่าขานกันว่าเป็นบึงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก  และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาลจนกระทั่งต้องสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรขึ้นเป็นจำนวนมาก  เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านแห่งนี้พ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม

เมื่อราวปี 2478 กรมศิลปากรได้เดินทางมาสำรวจบริเวณบ้านพุดซาบ้างแล้ว   พร้อมได้ขึ้นทะเบียนและปักปันอาณาเขตโบราณสถานไว้ด้วย  จากอดีตจนถึงปัจจุบันโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย  เนินดินที่กลบซากปรักหักพังอยู่อย่างไร  ก็ยังอยู่อย่างนั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกเก็บ กระจายอยู่ยังวัดต่าง ๆ และบ้างก็ว่ากันว่าสูญหายกันไปมิใช่น้อย

บ้านพุดซา บริเวณที่ตั้งของวัดปรางค์ทองในปัจจุบัน  สันนิษฐานกันว่า  อดีตเคยเป็นปราสาทของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายโศวรมัน แห่งอาณาจักรขอม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่  15  ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบขอม  ก่อสร้างด้วยอิฐ  มีการบันทึกไว้ว่า  สภาพของปราสาทเมื่อปี 2521 ยังคงเห็นส่วนฐานปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงสลักเป็นฐานบัวรองรับปราสาทหลังทิศใต้ (เดิมกรมศิลปากรขุดแต่งพบฐานบัวรองรับปราสาทอิฐ 3 หลัง เรียงตัวในแกนทิศเหนือ – ใต้  สำหรับปราสาทประธาน(หลังกลา)และปราสาทหลังทิศเหนือพังเสียหายหมดแล้ว) ปัจจุบันได้ถมดินรอบปราสาทเหนือระดับฐานบัว  อย่างไรก็ตาม ปราสาทดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น  3  ส่วน  คือ ส่วนฐาน  ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด

ในบริเวณวัดปรางค์ทอง  ยังได้พบชิ้นส่วนของโบราณสถานประเภทหินทรายแดง  หินทรายขาว สลักเป็นหน้าทับหลัง  เสาประดับกรอบประตู ลูกกรงหน้าต่าง ฐานประติมากรรม  กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายในวัด  อาทิ  ทับหลัง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าปราสาทบริวาร มีภาพที่ลบเลือนมาก และดินถมขึ้นเกือบครึ่งแผ่น  ที่กึ่งกลางภาพมีรูปบุคคลนั่งชันเข่า เหนือสัตว์พาหนะ (อาจเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณ) มีท่องพวงมาลัยออกมาจากกึ่งกลางทับหลัง  เป็นวงโค้งเล็กน้อยเหมือนถูกกดไว้ด้วยน้ำหนักคล้ายกับทับหลังที่จัดแสดงที่สำนักงานอุทยานปราสาทพนมรุ้ง  ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์  อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15

ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ  ซึ่งเก็บไว้บนศาลาวัด  ที่กึ่งกลางภาพสลักภาพพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑนั้น ก็ยุคนาคสองตัวที่ทอดยาวตลอดทั้งสองข้างของทับหลัง  ทำนองเดียวกับลายท่องพวงมาลัย ปลายท่องพวงมาลัยเป็นนาคสามเศียรซึ่งหันหน้าออกมาเบื้องหน้า และนาคแต่ละเศียรมีมงกุฎลายใบไม้เป็นเครื่องประดับเหนือท่อนพวงมาลัยสลักเป็นรูปใบไม้ม้วนห้อยตกลงมาจนถึงแนวล่างสุด  สลักเป็นแนวกลับบัวเช่นกัน  ลวดลายดังกล่าวเหมือนกับทับหลังซึ่งที่ปราสาทพนมวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้  สถานที่แห่งนี้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่สำคัญ ที่ชาวบ้านให้ขนานนามว่า  เป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค  จึงเป็นที่มาของการจัดทำประชาคมในครั้งนี้  โดย ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา  ที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้สถานที่แห่งนี้  เป็นเมืองของการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

 

ชมภาพบรรยากาศการประชาคม

 

ม..เทคโนฯโคราช จับมือกับเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดโอกาสให้ทางสภาแพทย์แผนไทยร่วมวิจัย”กัญชาเป็นยา”

ม..เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา จับมือกับเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดโอกาสให้ทางสภาแพทย์แผนไทยร่วมวิจัย”กัญชาเป็นยา”


วันที่ 23 เมษายน 2562 ที่ห้องประชุมคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ชาคริต นวลฉิมพลี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา หัวหน้าโครงการวิจัยกัญชาเป็นยา สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม และ คณะอาจารย์ฝ่ายวิจัยของคณะฯ ได้ร่วมประชุมปรึกษาหากับ ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย พ.ท.ดร.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่ออออนไลน์ภาคอีสาน ในฐานะรองประธานเครือข่ายฯ นายกฤตนัน พันธุ์อุดม กรรมการสภาแพทย์แผนไทย อุปนายกสมาคมชะมดไทย รองประธานเครือข่ายฯ นายประดิษฐ์ บุญเชิด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกกัญชาไทย เลขานุการเครือข่ายฯ นางวดี พันธุ์อุดม แพทย์แผนไทยผดุงครรภ์ไทย กรรมการเครือข่ายฯ ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย นายสมชัย แสงทอง รอง ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ภาคเหนือ นางนิตยา นาโล รอง ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ภาคอีสาน นายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนภาคอีสาน และ ตัวแทนประธานวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือและอีสาน 29 จังหวัด เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อวางกรอบนโยบายในการวิจัยกัญชามาเป็นยาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แพทย์แผนไทย และ หมอชาวบ้าน ตาม พ.ร.บ.กัญชา
จากการที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ประกาศชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ขออนุญาตผลิต นำเข้า และส่งออก “กัญชา” ซึ่งกฎหมายอนุญาตไว้ 7 กลุ่ม ดังนี้ 1. หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด สภากาชาด 2. ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ หรือแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน ตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำหนด 3. สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย และจัดการเรียนการสอนด้านการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ 4. เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายและร่วมกันดำเนินการกับหน่วยงานรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา 5. ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ 6. ผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องพกพาติดตัวเพื่อใช้รักษาโรค 7. ผู้ขออนุญาตอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ เป็นบุคคลธรรมดาต้องมีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย กรณีเป็นนิติบุคคลต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 ใน 3 ต้องมีสัญชาติไทยและมีสำนักงานในประเทศไทย


ด้วยเหตุนี้เองทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สภาแพทย์แผนไทย องค์กรภาคประชาชนกลุ่มต่าง ๆ จึงได้รวมตัวกันจัดตั้ง “เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์แผนไทย” ที่ผ่านมาประสานงานดำเนินงานตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.กัญชา ที่จะสามารถทำให้ “กลุ่มเกษตรกรปลูกกัญชา”ได้และ “แพทย์แผนไทยทำตำรับยา” ได้อย่างถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย ตามประกาศ พ.ร.บ.กัญชาในข้อ 4.ว่า “เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายและร่วมกันดำเนินการกับหน่วยงานรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา” ทาง “เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย จึงขอความร่วมมือและร่วมประสานงานกับทาง “คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานนคราชสีมา” ได้เปิดดำเนินการจัดสรรงบประมาณวิจัย “กัญชาเป็นยาตามตำรับแพทย์แผนไทย”
ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา หัวหน้าโครงการวิจัยกัญชาเป็นยา สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ทางภาคประชาชนตื่นตัวกับการนำเอากัญชามาเป็นยา เพื่อรักษาตัวเองและผู้อื่น ทางเราก็พร้อมและยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่จึงได้เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือพร้อมกับเชิญ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ และอาจารย์ฝ่ายวิจัยเรื่องนี้มาร่วมประชุมด้วย เพราะที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางหาความรู้ไปตามจุดต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนทราบว่า กัญชา”เป็นพืชในตระกูล Cannabis ที่สามารถจำแนกออกมาได้อีก 3 ชนิด ได้แก่ 1.Cannabis Indica : มีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย สูงไม่เกิน 2 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มีลักษณะสั้นและกว้าง เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น หรือการปลูกในร่ม นิยมปลูกเพื่อนำดอกมาใช้สกัดเป็นน้ำมันทางด้านการแพทย์ และนำมาใช้เพื่อการผ่อนคลาย 2.Cannabis Sativa : ลำต้นใหญ่ หนา และแข็งแรง อาจสูงได้มากถึง 6 เมตร ใบมีลักษณะเรียวยาว สีเขียวอ่อน เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน นิยมปลูกเพื่อเอาใยมาใช้ทางด้านอุตสาหกรรม และนำเมล็ดมาสกัดน้ำมัน และ 3.Cannabis Ruderalis : ต้นเล็กคล้ายวัชพืช ใบมีลักษณะกว้างและเล็กผสมกัน เติบโตได้ดีทั้งในอากาศร้อนและเย็น พบได้มากในทวีปยุโรป ในอนาคตในการวิจัยเราจะต้องนำเอา “ต้นกัญชาทั้งต้น” มาทำการวิจัยว่าส่วนไหนเป็นยาด้านไหนบ้างตามตำรับแพทย์ปัจจุบันและแพทย์แผนไทย เราจึงอยากจะเชิญคณะแพทย์จากสภาแพทย์แผนไทยเข้าร่วมการวิจัยในครั้งนี้ด้วย


ขณะที่ทาง อาจารย์ ดร.ชาคริต นวลฉิมพลี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีทางภาคประชาชนได้ขอเสนอให้ทางคณะฯ ได้เป็นตัวแทนในการวิจัยความเป็นไปได้ของการนำเอากัญชามาเป็นยา อย่างถูกกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.กัญชา และ ทางเราพร้อมสนับสนุนโดยจะมอบหมายให้ทาง ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ได้เป็นหัวหน้าคณะวิจัยและศึกษาข้อกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา เพราะถือได้ว่าเป็นเรื่องดีและละเอียดอ่อนพร้อมกับทำข้อมูลนำเสนอไปทางท่านอธิการฯ และ สภามหาวิทยาลัยฯ ต่อไป
ทางด้าน ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ได้กล่าวว่า วันนี้ถือได้ว่าพวกเราได้รับข่าวดีที่ทาง “คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา” พร้อมทำวิจัยกัญชาให้กับทางเครือข่ายฯ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และที่สำคัญ “เพื่อประโยชน์ของประชาชน” และยังเปิดโอกาสให้ทางคณะแพทย์แผนไทยเข้าร่วมวิจัยกัญชาตามตำรับยาแพทย์แผนไทยอีกด้วย ในส่วนของภาคประชาชนตนเองก็จะได้ประสานงานไปยัง “สหกรณ์” และ “วิสาหกิจชุมชน” ที่อยู่ภายใต้เครือข่ายเตรียมความพร้อมและแจ้งไปยังประชาชนที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการรีบดำเนินการจัดตั้งกลุ่มไปขออนุญาตจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนกับทางสำนักงานเกษตรแต่ละอำเภอให้ถูกต้องตามกฎหมาย

สีสัน…งานป้ายเมืองโคราช ห้างดังขึ้นป้ายบอกทางบนดึก ที่อยู่หน้าอีกห้างหนึ่ง เรียกรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นทั่วเมือง

สีสันงานป้าย ‘เซ็นทรัล’ ผงาดป้ายหน้าห้างคู่แข่งหลังกวาดซื้อที่ดินด้านหน้า ‘เทอร์มินอลโคราช’

‘เซ็นทรัลพลาซาโคราช’ ไล่กวาดซื้อที่ดินหน้า ‘ห้างเทอร์มินอลโคราช’ เกือบหมด พร้อมขึ้นป้ายบอกทางด้านหน้าห้างเทอร์มินอลอีกด้วย ล่าสุด เซ็นทรัลทุ่มงบทำป้ายบอกทางใหม่ที่ใหญ่และไฉไลกว่าเดิม แบบไม่เกรงใจห้างคู่แข่งเอาซ่ะเลย ถ้าหากใครไปห้างเซ็นทรัลไม่ถูกก็มาดูป้ายได้ที่ด้านหน้าห้างเทอร์มินอลโคราชได้นะเจ้านาย


และไม่รู้ว่าที่ดินที่ซื้อไปจะทำการก่อสร้างอะไรอันที่จะทำการตลาดข่มคู่แข่งอย่างเทอร์มินอลห้างน้องใหม่ก็คอยติดตามดูเอาเองว่าสงครามห้างยักษ์จะต้องสู้ฟาดฟันกันอีกยาวนานแน่นอน
งานนี้ ถือว่าเป็นสีส้นงานป้ายเมืองโคราช และยังเป็นการสร้างรายยิ้มให้กับผู้ที่พบเห็นอีกด้วย

ท่องเที่ยวและกีฬาโคราช…จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ Mobile Application สื่อการเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวและสินค้า OTOP

สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่น 7 กลุ่มลิธัวเนีย ได้จัดการอบรมโครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการ Mobile Application สื่อการเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวและสินค้า OTOP ในจังหวัดนครราชสีมา ที่โรงแรมโคราชโฮเท็ล อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยมี ว่าที่ร้อยตรี นิรันดร์ ดุจานุทัศน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายสุรสิทธิ์ สิงห์หลง ท่องเที่ยวและการกีฬาจังหวัดนครราชสีมา มีผู้เข้าร่วมอบรม ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมาในแต่ละอำเภอ และ นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่น 7


โดย Mobile Application คือสื่อการเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวและสินค้า OTOP ในจังหวัดนครราชสีมา” ที่จะได้ร่วมกันพัฒนาโดยการนำแหล่งท่องเที่ยว ของดี ของขึ้นชื่อ สินค้าโอท็อปจากทั้ง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา รวบรวมไว้ในแอฟพลิเคชั่นเดียว ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำ และอบรมผู้หาข้อมูล โดยได้จัดอบรมเพื่อให้ผู้แทนของแต่ละอำเภอได้นำสิ่งเหล่านี้มารวบรวมและจัดทำ เพื่อเป็นคู่มือสำหรับการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ Mobile Application คือผลงานที่ทางนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ ได้ประยุกต์ความรู้ ความสามารถ ทรัพยากรที่มี สร้างโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ได้นำเสนอแนวคิดใหม่ ช่วยส่งเสริมการพัฒนาประเทศ หรือองค์กรในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเจาะจง เป็นเรื่องที่มีผลเพื่อส่วนรวม และสามารถนำไป ปฏิบัติได้จริง

>เสียงสัมภาษณ์<<

โคราชจัดพิธีทำน้ำอภิเษก  ณ  วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลางนคร อ.เมือง จ.นครราชสีมา

โคราชจัดพิธีทำน้ำอภิเษก  ณ  วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลางนคร อ.เมือง จ.นครราชสีมา

วันที่ 8 เม.ย. 2562 จังหวัดนครราชสีมาจัดพิธีทำน้ำอภิเษก โดยนิมนต์ 4 เกจิอาจารย์ ชื่อดังของจังหวัดนครราชสีมา  นั่งเจริญจิตภาวนา  อธิษฐานจิต  และสวดภาวนาที่บริเวณด้านหน้าวิหารหลวง วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลางนคร อ.เมือง จ.นครราชสีมา


นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการได้ร่วมกันประกอบพิธีทำน้ำอภิเษก เพื่อใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวง ฯ รัชกาลที่ 10 โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา   ได้เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาฤกษ์   พราหมณ์อ่านโองการบูชาฤกษ์ จากนั้นคณะผู้ว่าราชการจังหวัด  ได้เข้าสู่วิหารหลวง สถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษก ซึ่งได้กำหนดฤกษ์เวลา 17.00 น.  โดยพระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค  11  เป็นประธานพร้อมพระสังฆาธิการ  จำนวน  30 รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาจุดเทียนชัย เจ้าหน้าที่ประโคมฆ้องชัย วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์

             จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นิมนต์  พระเกจิ และพระเถราจารย์   เจริญจิตภาวนาอธิษฐานและสวดภาณวารประกอบด้วย    พระครูอนุวัฒน์ ชินวงศ์ หรือหลวงพ่อจอย วัดโนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา   ,พระครูประโชติปัญญากรหรือหลวงพ่อคูณ วรปญุโญ วัดบัลลังก์ อ.โนนไทย   , พระครูสังฑรักษ์สุรเดช   อินทวัณโณ  วัดพระนารายณ์มหาราช  ,พระครูประโชติบุญญาภรณ์หรือพระอาจารย์ประทวน  ประธานสงฆ์วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ได้ผลัดเปลี่ยนนั่งเจริญจิตภาวนาอธิษฐานจิตและสวดภาณวารจนถึงเวลาอันควร

   

           อนึ่งน้ำที่ใช้ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกได้มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ต้นน้ำลำตะคอง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดสาขาลุ่มน้ำมูล แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคของชาวโคราช โดยเป็นน้ำผุดกลางผืนป่ามรดกโลกแห่งที่ 5 ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่มีตำนานเล่าขานมากมายทั้งยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย นายวิเชียร จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมหัวหน้าส่วนราชการได้เดินเท้าจากหอดูสัตว์หนองผักชี ลัดเลาะไปตามทางเดินป่าและข้ามคลองน้ำธรรมชาติไปที่เหนือฐานปฏิบัติการเฉพาะกิจคลองอีเฒ่า ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธี ฯ รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง ก่อนจะเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปวางบนเสลี่ยงก่อนจะตั้งขบวนเดินเท้าออกมาที่ตั้งขบวนรถ บริเวณถนนธนรัชต์ ทางเข้าหนองดูสัตว์หนองผักชี เชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นรถแล้ววางบนมลฑป ขบวนรถได้เคลื่อนออกมาจากถนนธนรัชต์ โดยมีนายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่งอยู่บนรถเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกหกล้อขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ได้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ขบวนรถได้เคลื่อนมาที่หน้าว่าการอำเภอปากช่องและทำพิธีส่งมอบและรับมอบ พานธูป เทียนแพจากนายครรชิต ฯ หน.เขาใหญ่ ให้นายอำเภอปากช่อง ขบวนรถได้เคลื่อนมาตามเส้นทางมาที่ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน เข้าสู่ลานกิจกรรม อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งมีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและทุกภาคส่วนได้ร่วมจัดกิจกรรมสมโภช เทิดทูนสถาบันและความรักความรักสามัคคีอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ จากนั้นได้เชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นวางบนเสลี่ยง เพื่อให้เจ้าหน้าที่หามลอดเข้าเมืองทางประตูชุมพลไปที่พระวิหารหลวง วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกและทำพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ในวันที่ 9 เมษายน 2562  และวันที่ 10-11 เมษายน  2562 นายวิเชียร จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  จะเชิญคนโทน้ำที่ได้ทำพิธีอภิเษก  นำไปส่งมอบให้ที่กระทรวงมหาดไทยต่อไป

 

พ่อเมืองโคราชร่วมพิธีเปิดกิจกรรม…ปั่นจักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุระนารี ประจำปี 2562 อย่างยิ่งใหญ่

โคราชจัดปั่นจักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุระนารี ประจำปี 2562 อย่างยิ่งใหญ่

 

 

ที่ผ่านมา  นายวิเชียร  จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจัดหวัดนครราชสีมา    ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการแข่งขันจักรยานฉลองวันแห่ชัยชนะท้าวสุรนารี  ครั้งที่ 6   ประจำปี 2562  ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรารี   โดยในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, เทศบาลนครนครราชสีมา, สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ,สโมสรจักรยานนครราชสีมา และหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวงานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสรนารีประจำปี 2562 เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และเพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่ง มอบให้กับ โครงการมือเทียม 3 มิติ เพื่อผู้พิการ ,โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา ,มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา และโรงเรียนการศึกษาคนตาบอด นครราชสีมา


โดยกิจกรรม Tour Of Korat 2019 ครั้งที่ 6 จักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรประจำปี 2562   ได้เริ่มให้มีการลงทะเบียนเวลา 05.30 น. และปล่อยตัวเวลา 07.30 น.นักกีฬาจักรยานจะได้รับถ้วยเกียรติยศรางวัลชนะเลิศ จาก พณฯ ท่าน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ และถ้วยรางวัลรองชนะเลิศ จาก นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 5 รุ่น คือ 1.เสือหมอบชาย      70 กิโลเมตร 2.เสือหมอบหญิง 70 กิโลเมตร 3.เสือภูเขาชาย 70 กิโลเมตร 4.เสือภูเขาหญิง   70กิโลเมตร และประเภททีม รวมทั้งรุ่นในเกินร้อย 19 กิโลเมตร

ละ รุ่น VIP ในปีนี้ พิเศษสุด ทางคณะจัดการแข่งขัน จะมีการประกวดประเภทแฟนซี โดยผู้เข้าประกวดจะต้องเป็นผู้สมัครปั่นจักรยานในโครงการ และลงทะเบียนหน้างาน เพื่อเข้ารับการคัดเลือกจากคระกรรม รับรางวัลที่ 1-5 เพื่อเป็นการสร้างสีสันในการแข่งขัน

 

โดยผลการแข่งขันในรุ่นเสือหมอบชาย ชนะเลิศได้แก่  หมายเลข A472 จากทีมโชคชัย  รางวัลรองชนะเลิศอันอับ 1 หมายเลข A337 คุณวิสิทธิ์ คล้ายเมืองปัก จากทีมเส็งสั่งลุย รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ หมายเลข A473 จากทีม โชคชัย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ A597 จากทีม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 ได้แก่ A 551  นายภูริเดช  พ่อค้า

รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันรุ่น เสือหมอบหญิง  ได้แก่  B046 คุณโบตั๋น  วิโซ  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ B031 คุณปราณี  นานสิน  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ B039 คุณ ธิษตยา  ผลประดิษฐ์  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ B 010 คุณชารียา  พงษ์สว่าง  และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่  4  ได้แก่ B 017 คุณวัฒนีย์  เจริญวานิช

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ประเภทเสือภูเขาชาย  ได้แก่ C 154 คุณอนอรุต  ค้าขาย  จากทีมนิภาพืชผล  รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 C 100 จากทีมโชคชัย  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ C120 Mr.Hans Bartkyndt รางวัลรองชนะเลศอันดับที่ 3 ได้แก่ C153 คุณเกียรติศักดิ์  เวชสูงเนิน  และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 ได้แก่  C 155  คุณธเนศ  ทองท่อ จากทีม MTB

รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ประเภท เสือภูเขาหญิง  ได้แก่  D 022 คุณอัฉรา  แสงสูงเนิน จากทีม เสิงสางไบท์  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่  D 031 คุณสุนารี  การินทร์  จากทีม BMC Asia Bike รางวัลรองชนะเลิศอันอับ 2 ได้แก่ D 030 คุณกวินนาฏ  บัวสรวง  จากทีม แชมป์สปอร์ต สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 ได้แก่ D 050 คุณทองมี  ขวดพุทธา  จากทีม  มทส.  และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 ได้แก่ D 025 คุณกันทิชา  สินสวัสดิ์ จากทีม พิมาย MTB

 

รางวัลชนะเลิศในประเภททีม  ได้แก่  8AM จำนวน  70 คน

และรางวัล  แฟนซี 5 รางวัล

ภาพบรรยากาศ  Tour of Korat 2019 >>>>

 

ทุ่งกังหันลมห้วยบง แหล่งท่องเที่ยวพลังงานลม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทุ่งกังหันลมห้วยบง แหล่งท่องเที่ยวพลังงานลม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายอริกะ กายขุนทด ที่ปรึกษาชมรมรักษ์ห้วยบง เปิดเผยว่า ทุ่งกังหันลมไฟฟ้า ห้วยบง ตั้งอยู่ที่ อำเภอด่านขุนทด และอำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม “เวสต์ ห้วยบง 2” และ “เวสต์ ห้วยบง 3” ขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย มีกังหันลมทั้งหมด 500 กว่าต้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังการผลิตพลังงานลมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ในปัจจุบันทุ่งกังหันลมห้วยบง ได้ถูกพัฒนาส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม พักผ่อนสูดอากาศได้อย่างสม่ำเสมอ ในช่วงปลายปีทุ่งกังหันลมห้วยบง จะมีอากาศเย็นสบายเหมาะสำหรับมาพักผ่อนเป็นอย่างมาก สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมได้จาก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256
ซึ่งชมรมรักษ์ห้วยบง พยายามผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับวัยรุ่นและครอบครัว อีกทั้งยังส่งเสริมร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม ให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในชุมชน ซึ่งทุ่งกังหันลมห้วยบง รอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดเป็นอย่างมาก

ชมคลิป>>>

รพ.สต.ครบุรีชวนวิ่ง ช่วยผู้ป่วยติดเตียง ยอดบริจาคกระฉูดทะลุล้าน!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา นำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ( รพ.สต.ชวนวิ่ง) ทั้ง 17 แห่ง และประชาชนในพื้นที่อำเภอครบุรี ร่วมกันทำกิจกรรมโครงการ “รพ.สต. ชวนวิ่ง” เพื่อรับบริจาคเงินนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่อำเภอครบุรี ซึ่งมีอยู่กว่า 400 คน

ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ได้เริ่มออกวิ่งตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะวิ่งในวันนี้อีก 1 วัน โดยใช้เส้นทางวิ่งผ่านทุกตำบลในพื้นที่อำเภอครบุรี รวม 12 ตำบล เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการรักษาและใช้ในชีวิตประจำวัน โดยในขณะที่ขบวนวิ่งรับบริจาคผ่านไปยังตำบลต่างๆ ก็จะมีการจัดกิจกรรมต้อนรับคณะทีมวิ่งอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน

ทั้งนี้จากการวิ่งทั้ง 2 วัน ในโครงการ “รพ.สต.ชวนวิ่ง” ของอำเภอครบุรี มียอดเงินบริจาครวมถึงยอดจากการจำหน่ายเสื้อที่ใช้ในการใส่วิ่งแล้วกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งถือเป็นการมีส่วนร่วมในการให้ครั้งยิ่งใหญ่ของชาวอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมาที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

นายประสิทธิ์ จอมกระโทก สาธารณสุขอำเภอครบุรี เปิดเผยว่า กิจกรรมในโครงการ “รพ.สต. ชวนวิ่ง”  นั้น จัดขึ้นเพื่อหารายได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอครบุรี ทั้ง 12 ตำบล ในพื้นที่อำเภอครบุรี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเตียงซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาลกระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 400 คน ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอครบุรี รวมไปถึง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั้ง 17 แห่ง ยังขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่จะใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย  จึงมีแนวคิดร่วมกันกับทางหน่วยงานราชการต่างๆในพื้นที่ และภาคเอกชน จะจัดกิจกรรม “รพ.สต. ชวนวิ่ง”ขึ้น เพื่อหารายได้มาช่วยเหลือจัดหาสิ่งที่ยังขาดแคลน เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น  อีกทั้งยังเป็นการช่วยรณรงค์กระตุ้นในประชาชนในพื้นที่อำเภอครบุรี หันมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกันมากขึ้นด้วย

‘ครูโคราชนัดแต่งชุดดำ’ คัดค้านร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติใหม่

‘ครูโคราชนัดแต่งชุดดำ’ คัดค้านร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติใหม่

                แกนนำเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอโคราช ร่วมกันแต่งกายชุดดำ เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ เนื่องจากร่างดังกล่าวมีความไม่ชัดเจนและไม่เหมาะสม อาทิ ให้ใช้ใบรับรองความเป็นครู แทน ใบประกอบวิชาชีพครู ให้นำตำแหน่งผู้บริหารในอดีตที่เรียกว่า ‘ครูใหญ่’ นำกลับมาใช้แทนคำว่า ‘ผู้อำนวยการ’ เป็นการบั่นทอนกำลังใจและไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน อาจเกิดความผิดพลาดและก่อให้เกิดปัญหาต่ออนาคตของวงการการศึกษาไทยได้ จึงขอรวมตัวคัดค้านร่างดังกล่าว

 

                วันที่ 8 มีนาคม 2562 นายไพฑูรย์ อักษรครบุรี นายกเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอนครราชสีมา พร้อมด้วย นายปรีดี โสโป เลขาธิการเครือข่ายฯ พร้อมทั้งผู้แทนครูกว่า 30 คน ร่วมยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ โดยเฉพาะ 3 ข้อที่ เนื่องจากเป็นการบั่นทอนกำลังใจและไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเกิดจากที่มิใช่คนในวงการศึกษามาร่างขึ้น อาจเกิดความผิดพลาดและก่อให้เกิดปัญหาต่ออนาคตของวงการการศึกษาไทยได้ จึงขอรวมตัวคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวดังกล่าวและไม่เห็นด้วยกับกระบวนการพิจารณาการร่างกฎหมายฉบับนี้ จำนวน 4 ข้อคือ

  1. กระบวนการในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ฉบับนี้ ตัวแทนของครูหรือบุคลากรทางการศึกษาไม่ได้มีส่วนร่วมในการยกร่าง
  2.   พระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นการพิจารณาอย่างเร่งรีบย่อมขาดความละเอียดและรอบคอบ อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในบทบัญญัติของกฎหมายเห็นควรให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้

3.การยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครู มาเป็นใบรับรองความเป็นครูนั้น เห็นไม่สมควร เนื่องจากใบประกอบวิชาชีพครู เป็นใบอนุญาตที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับนับถือ มีศักดิ์และสิทธิ์ที่ทุกคนยกย่องว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง การเปลี่ยนแปลงที่ให้มีใบรับรองการเป็นครูแทนใบประกอบวิชาชีพครูนั้น เป็นการลดทอนสักดิ์สรีแห่งวิชาชีพครูจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคนในสังคม

  1. การเปลี่ยนชื่อตำแหน่งจากผู้อำนวยการสถานศึกษามาเป็นครูใหญ่ เป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจและยังไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบันที่ผู้บริหารต้องใช้บทบาทหน้าที่ในการบริหารอย่างรอบด้าน

ดังนั้น ทางเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอ (ปักธงชัย เสิงสาง ครบุรี วังน้ำเขียว) จึงขอจัดหนังสือคัดค้านและเสนอความคิดเห็นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง 4 ข้อดังต่อไปนี้

1.ให้คงคำว่า ใบประกอบวิชาชีพครู แทน ใบรับรองความเป็นครู

2.ให้คงชื่อตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา แทนคำว่า ครูใหญ่ที่จะนำกลับมาใช้

3.และให้ยกเลิกตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยครูใหญ่’ และให้คงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา

4.ให้ยุติการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่นี้ และให้นำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาปรับปรุงแก้ไขโดยให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางเครือข่ายเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอนครราชสีมา และองค์กรวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกองค์กรในนครราชสีมา จะร่วมมือกันเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินี้ในทุกรูปแบบให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นครูความเป็นแม่พิมพ์ของชาติต่อไป

>ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์<<