ผู้นำ 10 ตำบล หวาดระแวงหลังมีชายอ้างตัวเป็นทหารเข้ามาข่มขู่พื้นที่ ด้านว่าที่ผู้สมัคร ยื่นหนังสือให้กองทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบพร้อมนำตัวมาลงโทษ

ผู้นำ 10 ตำบล หวาดระแวงหลังมีชายอ้างตัวเป็นทหารเข้ามาข่มขู่พื้นที่ ด้านว่าที่ผู้สมัคร ยื่นหนังสือให้กองทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบพร้อมนำตัวมาลงโทษ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 มกราคม 62 นายอภิชา เลิศพชรกมล ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 9 จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยทีมงาน ได้เข้ายื่นหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานความมั่นคง ศปม.กอ.รมน.ภาค 2 ค่ายสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และยื่นหนังสือต่อให้กับเจ้าหน้าที่ กองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบ หลังจากมีเจ้าหน้าที่อ้างตัวเป็นทหาร จำนวน 2 คน และพลเรือน 1 คนเข้าไปพูดจาข่มขู่ ผู้นำหมู่บ้านจำนวน 10 ตำบลในพื้นที่อำเภอโชคชัย

นายอภิชา เลิศพชรกมล ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 9 จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 62 เป็นต้นมา ได้มีชายอ้างตัวเป็นทหาร ไม่ทราบสังกัดที่ชัดเจน ได้เข้าพื้นที่อำเภอโชคชัย โดยใช้โตโยต้า รถฟอร์จูเนอร์ สีดำ สลับกับ รถโตโยต้า วีโก้ สีบร์อน โดยใช้ทะเบียนปลอมเข้ามาในพื้นที่ และตระเวรเข้าพบผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อดีตนายก อบต.พร้อมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากส่วนกลางเข้ามาสังเกตการณ์ โดยไม่มีการแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด เพียงแต่ใส่หมวกที่มีตราสัญลักษณ์ทหาร ป้ายแหวนคอกองทัพบก และได้เข้ามาพูดคุยสอบถามเรื่องการเมือง และให้วางตัวเป็นกลาง อย่าไปเข้าข้างใคร ก่อนจะกลับยังบอกอีกว่า อย่าลืมเลือกพรรคฝั่งรัฐบาล จึงเกิดการสับสนและหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจริงหรือไม่ แต่ทางผู้นำก็ได้มีการถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยสอดส่องดูแลเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตนเชื่อว่าบุคคลที่อ้างว่าเป็นทหารทั้ง 2 นายและพลเรือนอีก 1 นายนั้น น่าจะออกมารับจ้างส่วนตัวไม่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐแต่มาแอบอ้างว่ามาจากหน่วยงานของรัฐโดยรับจ้างมาจากผู้สมัครรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองในพื้นที่ ที่นิยมใช้รูปแบบการหาเสียงเช่นนี้อยู่บ่อยๆเพื่อความสุจริต ยุติธรรม และลดความสับสนหวาดกลัวอยากให้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าตรวจสอบเอาบุคคลที่มาแอบอ้างมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

>ชมคลิป<<

    สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่องปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและจัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 

     สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่องปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและจัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 

ที่ห้องห้องทวีทรัพย์ ชั้น 2 โรงแรมโคราชโฮเต็ล ต.ในเมือง  อ.เมือง  จ.นครราชสีมา  ว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์  ดุจจานุทัศน์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและตัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา  ประจำปีงบประมาณ 2562  จัดโดย สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกี่ยวกับการจัดการทำแผนการพัฒนากำลังคน จังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งต้องใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูล ข้อมูลที่มีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน  ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนากำลังคนของจังหวัด       และ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนากำลังคนระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาร่วมทบทวนแผนพัฒนากำลังคน ร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนากำลังคนของจังหวัดนครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562

ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย  คณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.)  คณะทำงานบูรณาการและส่งเสริมเครือข่ายเพื่อจัดทำแผนพัฒนากำลังแรงงานในจังหวัดนครราชสีมา  คณะทำงานจัดทำแผนพัฒนากำลังคนประจำจังหวัดนครราชสีมา รายภาคอุตสาหกรรมทั้ง 3 คณะภายใต้ กพร.ปจ. ผู้แทนสถานประกอบกิจการเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงานแยกรายกลุ่มอุตสาหกรรม 3 กลุ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเจ้าหน้าที่ บุคลากร       ที่รับผิดชอบจัดทำแผนงานด้านการพัฒนากำลังคน รวมทั้งสิ้น  40  คน

การสัมมนาในครั้งนี้มีระยะเวลา 1 วัน ช่วงเช้าเป็นการบรรยายโดย  ดร.ธีรยุทธ เกียรติพิริยะวงศ์ ที่ปรึกษาด้านการจัดแผนพัฒนากำลังคนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  และในช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำแผน ปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่จากผู้เข้าร่วมสัมมนา

 

 

มหากาพย์…โจรขโมยข้าวเปลือก 102 กระสอบ ด้านผู้การโคราชเร่งจับตัวคนร้าย คาด!!คนในพื้นที่

ชาวนาโคราช น้ำตาตกใน โดนโจรชั่วขโมยข้าวเปลือก 102 กระสอบมูลค่าแสนกว่า ลอยนวล

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 กระสอบ มูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่าง โดยมีประชาชนเดินทางเข้ามาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบเพียงเศษข้าวเปลือกตกอยู่กระจัดกระจาย อยู่ภายในยุ้งฉาง โดยมีการปิดเหมือนเดิมจนทำให้เจ้าของไม่ได้สั่งเกตุและรู้ว่าหายในเวลาต่อมา

นางมัลลิกา ทำเสร็จ เจ้าของข้าว เล่าทั้งน้ำตาว่า ปีนี้ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวลดลงได้เพียง 102 กระสอบ และเก็บไว้ในยุ้งข้าวเพื่อรอราคา และนำไปขาย เพื่อใช้หนี้ ธกส.ส่วนหนึ่งเก็บไว้บริโภคและทำพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป แต่กลับมาถูกคนร้ายลักขโมยซ้ำเติมอีก ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะลงมือก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งช่วงกลางดึก เนื่องจากว่ามีพี่สาวเฝ้าบ้านเพียงคนเดียว ส่วนตนและครอบครัวได้ไปทำงานอยู่ในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตนได้เปิดดูข้าวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 61 ก็ยังพบเห็นเต็มยุ้งฉางอยู่ หลังจากนั้นมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 2 มกราคม 62 ปรากฏว่า ข้าวทั้งหมดได้หายไป จึงได้เข้าแจ้งความไว้กับตำรวจ สภ.ห้วยแถลง แต่เรื่องคดีก็เงียบหายไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในบ้านตนเอง

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงคนร้ายให้เห็นใจสงสารนำข้าวเปลือกกลับมาคืนก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องหรือหาเงินมาใช้หนี แต่หากไม่นำมาคืนก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ไม่ใช่ปล่อยเงียบแบบนี้

คืบหน้าตำรวจโคราช จับโจรขโมยข้าว 102 กระสอบไม่ได้นานนับเดือน ผู้ใหญ่บ้านเกรงเหตุซ้ำประกาศเสียงตามสายจัดเวรยามเฝ้าระวังเหตุซ้ำในพื้นที่

จากกรณีนางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี เจ้าของข้าว ได้ร้องผ่านสื่อว่า ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 กระสอบ มูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องนำไปใช้หนี้ ธกส นอกจากนี้ยังส่งผลให้ชาวบ้านอยู่แบบหวาดระแวงกลัวคนเข้าจะเข้ามาในพื้นที่อีกครั้งเพราะยังจับคนร้ายไม่ได้

ด้านนายบุญเลิศ อรบุตร อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองม่วงใหญ่ เล่าว่า หลังจากเกิดเหตุมีโจรเข้ามาพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา และได้มีขโมยข้าวเปลือกไป 102 กระสอบ มูลค่า 1 แสนกว่าบาทนั้น ตนได้ช่วยเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทางทหาร ฝ่ายปกครอง ในการสืบหาคนร้ายและช่องทางที่คนร้ายจะหลบหนี รวมไปถึงสอบถามประชาชนว่ามีการพบเห็นการขนข้าวเปลือกจำนวนมากออกนอกพื้นที่หรือไม่ โดยส่วนใหญ่ไม่มีการพบเห็นดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าน่าจะมีการทยอยขนในช่วงกลางดึก คาดว่าน่าจะมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน และไม่น่าจะขนเพียงแค่คืนเดียว เพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน อยู่เพียงพี่สาว นอกจากนี้น่าจะมีคนในหมู่บ้านเป็นสายให้ และให้คนนอกหมู่บ้านมาขนข้าวออกจากยุ้งฉางข้าวเพื่อนำไปขายให้กับโรงสีในพื้นที่ข้างเคียงหรือนอกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ตนได้ประกาศตามเสียงตามสาย ให้ลูกบ้านที่มีข้าวอยู่ในยุ้งฉางภายในบ้านตนเอง ให้เฝ้าระวังคนนอกพื้นที่ ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินตนเอง เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ส่วนตนได้ประสานลูกบ้านผู้ชายให้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกตรวจตราภายในหมู่บ้านเพื่อเป็นการป้องกันเหตุซ้ำอีกครั้ง

ผู้การโคราช ระดมตำรวจตามล่าตัวคนร้ายขโมยข้าวเปลือก 102 ถุง สั่งตรวจกล้อวงจรปิดทุกจุด พร้อมสอบพยานไปแล้ว 7 ปาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี เจ้าของข้าว อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้ร้องผ่านสื่อช่อง 8 ว่า ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 ถุงนั้นและยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้นั้น

ด้าน พลตำรวจตรีวัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนบุคคลที่กระทำความผิดยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่กำลังติดตามและไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งได้มีการเน้นย้ำให้ผู้กำกับการ สภ.ห้วยแถลง เร่งดำเนินการคดีนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งส่งชุดสืบสวนสอบสวน ลงไปในพื้นที่เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งขนาดนี้ได้สอบปากคำชาวบ้านไปแล้ว 7 ปาก เนื่องจากว่าข้าวที่หายจำนวน 102 ถุง เป็นของผู้เสียหายที่ได้ฝากพี่สาวเอาไว้ ส่วนตัวเจ้าของข้าวไม่ได้อยู่ประจำพื้นที่ ซึ่งตนคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าว อีกทั้งบ้านผู้เสียหายก็ติดกับบ้านหลังอื่นๆไม่ได้อยู่หลังเดียว เพราะเวลาใครเข้าออกต้องมีคนเห็น โดยเฉพาะคนต่างพื้นที่ ในส่วนของกล้องวงจรปิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดูทุกตัวที่คิดว่าคนร้ายจะใช้เส้นทางดังกล่าวผ่าน

อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่บ้านจะต้องช่วยในการสอดส่องดูแลลูกบ้าน เพราะจะรู้ดีว่าใครเข้าออกในหมู่บ้าน หากพบผิดสั่งเกตุให้ถ่ายรูป ไว้ก่อนเพื่อการตรวจสอบย้อนหลัง เพราะมีประโยชน์มาก ซึ่งขนาดนี้ตนได้มีการสั่งการให้ตำรวจทุกโรงพัก ให้เฝ้าระวังเหตุการณ์จะเกิดขึ้นซ้ำรอย โดยเฉพาะรถเกี่ยวข้าวในเวลากลางคืน เพื่อเป็นการป้องปราม เพราะเคยมีข่าวลักลอบเกี่ยวข้าวของชาวบ้านเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้านหากใครมีข้อมูลให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต้องกลัวและจะเก็บไว้เป็นความลับ เพราะเป็นประโยชน์ในรูปคดีอย่างมาก

>>ชมคลิปและอ่านข่าวเพิ่มเติม<<

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดอบรมพัฒนาทักษะการใช้ Application เพื่อดันนวัตกรรมสู่อนาคต

สพร 5 นครราชสีมา ขับเคลื่อน 3 A พัฒนาทักษะแรงงาน การใช้ Application เพื่อเขียนโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือ ผลักดันนวัตกรรมสู่อนาคต

นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา (สพร.5นครราชสีมา) เปิดเผยว่า สพร.5 นครราชสีมา ขานรับนโยบาย 3A กระทรวงแรงงาน ซึ่งมีภารกิจหลักด้านการพัฒนาทักษะให้กับแรงงานในพื้นที่ให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะในปัจจุบันประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสาร และทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านมือถือแทบทุกคน จึงมีการจัดฝึกอบรมให้กับแรงงานทั่วไปที่สนใจในสาขาการพัฒนา App บนแอนดรอยด์ด้วยโปรแกรม MIT App Inventor2 ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา โดยรุ่นที่ 1 ดำเนินการแล้วระหว่างวันที่ 14-18 มกราคม 2562 มีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 17 คน

นายสุเมธ กล่าวต่อไปว่า หลักสูตรดังกล่าวเป็นการสร้าง Application บน อุปกรณ์ Smart Phone (Android) ด้วยโปรแกรม Mit Inventor 2 ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำ Application ไปสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนาสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ ซึ่งโปรแกรม App Inventor ช่วยให้สามารถพัฒนางานต่อที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพียงแค่ได้มีการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตไว้เท่านั้น แบ่งการทำงานออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนออกแบบ ส่วนที่สองเป็นส่วนการเขียนโค้ด การเขียนโปรแกรมจะเสมือนการต่อชิ้นส่วนตัวต่อจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน ในแต่ละขั้นตอนการสร้างจะสามารถทำการทดสอบได้ทุกขณะ และเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วจะสามารถแพ็คเกจแอพพลิเคชันเพื่อนำไปใช้งานบนโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android เครื่องใดก็ได้

ในปี 2562 สพร.5 นครราชสีมา มีเป้าหมายพัฒนาทักษะให้กับแรงงานในพื้นที่กว่า 2,000 คน ทั้งแรงงานในระบบและแรงงานนอกระบบ รวมถึงการพัฒนาด้านไฮเทคโนโลยีด้วย ในส่วนนี้มีเป้าหมาย 600 คน นอกจากหลักสูตรดังกล่าวแล้ว ยังมีแผนเปิดฝึกอีกหลายสาขา เช่น การเขียนแบบพัฒนาระบบสมองกลฝักตัว (PIC) ในหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม การเขียนแบบเครื่องกลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การประยุกต์ใช้ PLC ในงานอุตสาหกรรม การเขียนแบบ 2D ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และ การตลาดออนไลน์ด้วยโมบายแอพพลิเคชั่น เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ https://goo.gl/forms/8TsNwguuQaMgrkJF3 หรือสแกนคิวอาร์โค๊ดเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม http://line.me/ti/g/dPVKvzIGCp

อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/prg/2943315

โคราชพลิกไร่มันเป็นจุดเช็คอินสุดฟิน สัมผัสกลิ่นไอวิถีชาวบ้านใกล้ชิดธรรมชาติ

ท่องเที่ยวนวัตวิถีโคราชบูมต่อเนื่อง โคราชพลิกไร่มันเป็นจุดเช็คอินสุดฟิน สัมผัสกลิ่นไอวิถีชาวบ้านใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างเช่นที่บ้านหนองผักไร หมู่ที่ 2 ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 ชุมชนของอำเภอครบุรี ที่ได้รับงบประมาณจากโครงการนี้มาดำเนินการขับเคลื่อน ล่าสุดได้พลิกพื้นที่การเกษตรเชิงเดี่ยว ซึ่งเดิมทีมีเพียงการเพาะปลูกมันสำปะหลังเพื่อส่งขายให้แก่โรงงานต่างๆ เพื่อเลี้ยงครอบครัวในชุมชน

โดยหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี จำนวนกว่า 1.7 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาปลูกพืชชนิดอื่น อาทิ ดอกดาวเรือง กะหล่ำปลี มะเขือเทศ และมะระ  ซึ่งเป็นพืชที่มีสีสันความสวยงามและสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการปลูกมันสำปะหลัง พร้อมทั้งจัดทำจุดชมวิวและโฮมสเตย์  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ในภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีชุมชนชนบท ที่สามารถดึงเอาสิ่งที่สามารถหาได้ในท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งขณะนี้หมู่บ้านหนองผักไร เริ่มกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบกับเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชน ต่างพากันเดินทางไปเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะนอกจากจะมีความสวยงามจากสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นหอคอยไม้ไผ่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอย่างมากแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสถึงวิถีชีวิตการดำรงชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่ทำการเกษตรหลากหลายอย่างใกล้ชิดด้วย

>ชมภาพบรรยากาศเพิ่ม<<

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562

ในวันที่ 11  มกราคม  2562  โดยได้รับเกียรติจากนายสุวีร์  ตรียุทธนากุล  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิด  พร้อมด้วย   ดร.รัตนะ  วรบัณฑิต ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3  นายอภิชาต   ติยวัฒน์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาและศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 พร้อมคณะกรรมการฯ และ   นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์   นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา พร้อมคณะกรรมการ ได้เข้าร่วมการจัดงานวันเด็กอีกด้วย

โดยในช่วงพิธีเปิดกิจกรรมดังกล่าว  นายสุวีร์  ตรียุทธนากุล  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นผู้อ่านสารจากนายกรัฐมนตรี เนื่องในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562 เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงหน้าที่อันพึงปฏิบัติ  พร้อมกันนี้ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ยังได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ใจดีนำสิ่งของ  อาหาร และขนมต่าง ๆ มามอบให้กับเด็กและเยาวชนมากมาย  โดยทางร้านทวีผล 59 ได้มอบอุปกรณ์กีฬา มูลค่า 5,000 บาท ให้กับศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3

ทั้งนี้ นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ พร้อมคณะสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับนายอภิชาต   ติยวัฒน์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาและศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 พร้อมคณะกรรมการฯ ได้มอบหมอน PVC มูลค่า 10,000  บาท ให้กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก จังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายบุญธรรม  รอบคอบ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา  เป็นผู้รับมอบ

กิจกรรมในงานวันเด็กแห่งชาติ  ประจำปี 2562  ประกอบด้วยการแสดงของเด็กและเยาวชน  การมอบรางวัลการประกวดเรียงความวันเด็ก และรางวัลเด็กดี  รวมทั้งมีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ผู้ใหญ่ใจดี จำนวน 4 ทีม ประกอบด้วย ทีมที่ 1 ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา  ทีมที่ 2 สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา  ทีมที่ 3 ชมรมกีฬาสื่อมวลชนสัมพันธ์นครราชสีมา  และทีมที่ 4 สมาคมพ่อค้า VIP นครราชสีมา  โดยทำการแข่งขัน เพื่อหาผู้ชนะ โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีมสมาคมพ่อค้า VIP นครราชสีมา      รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา   รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่  ทีม ชมรมกีฬาสื่อมวลชนสัมพันธ์นครราชสีมา และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่  ทีม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา

            นอกจากนี้  ยังมีกิจกรรมซุ้มเกมส์วันเด็ก จำนวน 6  ซุ้ม พร้อมการออกโรงทานของผู้ใหญ่ใจดี  ที่นำอาหารมามอบให้กับเด็กและเยาวชนอีกด้วย

>ชมคลิปเพิ่มเติมที่<<

 

 

โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช จัดคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 1 รายได้มอบกาชาด

โคราชเตรียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ย้อนรอยตำนาน ดึกดำบรรพ์บอยแบนด์ “ปั่น แต๋ม ตุ่น” 28 กุมภาพันธ์ โต๊ะละหมื่น ช่วยกาชาด

โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช จัดคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดี ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 “ล้อมวง ชมเพลงบรรเลงกีต้าร์ กับดึกดำบรรพ์บอยแบนด์” Meet & Greet ใกล้ชิด กับศิลปิน (ปั่น แต๋ม ตุ่น) “ปั่น” ไพบูลเกียรติ เขียวแก้ว, “แต๋ม” ชรัส เฟื่องอารมย์, “ตุ่น” พนเทพ สุวรรณะบุณย์ ราคาบัตร 10,000 บาท/โต๊ะ (โต๊ะละ 10 ที่นั่ง) พร้อมอาหาร เริ่มจำหน่ายบัตร 1 กุมภาพันธ์ 2562 รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สมทบทุนร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา มอบให้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เพื่อใช้จ่ายในโครงการบ้านกาชาดรวมใจอยู่ได้แบบยั่งยืน

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช แถลงข่าวการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศล เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ในการเปิดกิจการ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและทำกิจกรรมเพื่อสังคม ทางโรงแรมฯ ได้จัดคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 1 “ล้อมวง ชมเพลง บรรเลงกีต้าร์ กับวงดึกดำบรรพ์บอยแบนด์” (ปั่น แต๋ม ตุ่น)

ซึ่งงานกำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ห้องสุรนารีบอลรูม โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สมทบทุนร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา มอบให้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เพื่อใช้จ่ายในโครงการบ้านกาชาดรวมใจอยู่ได้แบบยั่งยืน

โดยการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ประจำปี 2561 สานต่อปี 2562 ซึ่งทางโรงแรมฯ ได้ร่วมกิจกรรมดีๆ คืนสู่สังคมครั้งนี้ด้วย เพื่อที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสทางสังคมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีฐานะยากจนเป็นต้น

คุณนิตยาภรณ์ พลศรี ผู้จัดการทั่วไป (ประธานฝ่ายผู้ริเริ่มกิจกรรม) โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช กล่าวว่า “โรงแรมโรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช ได้เปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบมาเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว ผู้บริหารและพนักงานจึงต้องการฉลองด้วยการร่วมสานต่อกิจกรรมดีๆ กับเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ในโครงการบ้านกาชาดรวมใจอยู่ได้แบบยั่งยืน โดยการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ประจำปี 2562 เพื่อสนับสนุนสมทบทุนร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ ทั้ง 35 หลังๆ ละ 20,000 บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว มอบให้ นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา (ประธานผู้รับมอบรายได้) เพื่อนำไปเพื่อปรับปรุง ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีฐานะยากจน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ให้มีบ้านพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา”

นางณัฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า โครงการบ้านกาชาดรวมใจอยู่ได้แบบยั่งยืน มีวัตถุประสงค์หลักคือ 1.เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม บ้านผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีฐานะยากจน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ให้มีบ้านพักอาศัยที่มั่นคงถาวรและถูกสุขลักษณะ 2.เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน/องค์กร รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ในการให้ความช่วยเหลือผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ 3.เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาโดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบทราบทั่วกัน”

ขอเชิญชวนชาวโคราช ร่วมซื้อบัตรชมคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งแรก ครั้งสำคัญ สุดยิ่งใหญ่ ของโรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช ตื่นตากับแสง สี เสียง ฟังเพลงเพราะจากศิลปินชื่อดัง บทเพลงหวานๆ ชวนให้คิดถึง จากวงดึกดำบรรพ์บอยแบนด์ Meet & Greet ใกล้ชิด กับศิลปิน (ปั่น แต๋ม ตุ่น) “ปั่น” ไพบูลเกียรติ เขียวแก้ว, “แต๋ม” ชรัส เฟื่องอารมย์, “ตุ่น” พนเทพ สุวรรณะบุณย์ และร่วมซื้อเสื้อยืดกับกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อสมทบทุนสำหรับผู้มีจิตอันเป็นกุศลได้ภายในงาน กับคอนเสิร์ตการกุศล ครั้งที่ 1 “ล้อมวง ชมเพลง บรรเลงกีต้าร์ กับวงดึกดำบรรพ์บอยแบนด์” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ช่วงเวลา 18.00 – 22.00 น. ณ ห้องสุรนารีบอลรูม โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช ตั้งอยู่กลางเมืองโคราช ซึ่งถือเป็นประตูสู่ภาคอีสาน ที่ตั้ง 1137 ถ.สุรนารายณ์ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา 30000 ด้วยเนื้อที่ทั้งหมด 29 ไร 1 งาน 84 ตารางวา โรงแรมมีทั้งหมด 9 ชั้น พร้อมลานจอดที่รับรองได้มากถึงกว่า 300 คัน โรงแรมมีความพร้อมที่จะต้อนรับแขกทุกท่านอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าในส่วนของห้องพัก ทั้งหมด 186 ห้อง พร้อมรองรับการจัดประชุม สัมมนาขนาดใหญ่ และงานเลี้ยงสังสรรค์ มงคลสมรส โดยมีห้องจัดเลี้ยงทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และงานบริการสุดประทับใจ

ราคาบัตร 10,000 บาท/โต๊ะ (โต๊ะละ 10 ที่นั่ง) พร้อมอาหาร เริ่มจำหน่ายบัตร 1 กุมภาพันธ์ 2562

ติดต่อซื้อบัตรได้ที่ฝ่ายขาย คุณปริศนา 061-421-8608 คุณนิภาพร 093-645-4535

>>ชมคลิปเพิ่มเติม<<

วัดหนองโคพรหมนิมิต ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เนรมิตพื้นที่กว่า 1 ไร่ ปลูกต้นคอสมอส เพื่อดึงดูดนักบุญท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดหนองโคพรหมนิมิต ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ทาง พระครูวิทิตธรรมภาณ  เจ้าอาวาส และคณะกรรมการวัด ได้มีแนวคิดจัดสวนดอกไม้เพื่อดึงดูดให้คนเข้าวัดทำบุญในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง  โดยได้ปลูกดอกคอสมอสและตกแต่งพื้นที่ภายในวัดเกือบ 1 ไร่ ให้กลายเป็นสวนดอกไม้ที่ขณะนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่งสวยงามเป็นอย่างมาก

จากการสอบถามพระครูวิทิตธรรมภาณ เจ้าอาวาสวัดหนองโค พรหมนิมิต ทราบว่า ทางวัดได้ริเริ่มจัดสวนดอกไม้ขึ้นก็เพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา และสร้างขึ้นเพื่อดึงดูประชาชนให้หันมาเข้าวัดทำบุญกันมากขึ้น   เพราะดอกไม้เป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และในยุคแห่งโลกโซเชี่ยวนี้  หากมีสถานที่ใด ที่มีจุดโด่นเด่นให้ถ่ายภาพ  เชื่อว่าผู้คนจะแห่มาท่องเที่ยว  โดยทางวัดเองก็หวังว่า  การปลูกดอกคอสมอสนี้นอกจากจะสร้างสีสัน  ความสวยงามแล้ว ยังจะสามารถดึงดูด นักท่องเที่ยว

>ชมภาพเพิ่มเติม<<

แก่งวังเต่าโคราชเริ่มคึกคัก หลังเทศกาล ปีใหม่ ยังคงมีนักท่องเที่ยว แห่ล่องแพ ชมความงาม อย่างต่อเนื่อง

นครราชสีมา – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเริ่มต้นวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา  ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเริ่มมีนักท่องเที่ยวพาครอบครัว เพื่อนและคนที่รักเดินทางไปท่องเที่ยวกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ

อย่างเช่นที่ท่าเรือบ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดให้บริการนำนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามเขื่อนลำแชะ เพื่อไปเที่ยวชมแก่งวังเต่า ซึ่งเป็นแก่งหินที่มีความสวยงามและมีป่าไม้ล้อมรอบสุดจะเป็นธรรมชาติ ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้บริการมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนทั้งในส่วนของเรือรับส่งหรือแพ ต่างก็บอกว่าตอนนี้มีการจองใช้บริการกันข้ามปีเลยทีเดียว

แต่หลังจากที่เทศบาลปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว  ยังคงมีพี่น้องประชาชน ที่ได้ทราบข่าวว่า  ที่อ.ครบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย  จึงยังคงมีนักท่องเที่ยวที่ค้างจากเทศกาล ทั้งจากที่หยุดยาวจากการลาพักร้อน  หรือการสลับวันลาหยุดก็ตาม  ยังคงหลั้งไหล เช่าแพ และเรือเล็ก ชมความงามของน้ำตกวังเต่าในช่วงฤดูหนาว

ขณะที่บรรยากาศที่แก่งวังเต่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านแก่งหินนั้นค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังคงความสวยงาม เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อนฝูงหรือคนที่รักไปพักผ่อนหย่อนใจหลังที่ต้องทำงานหนักกันมาตลอดทั้งปี   ทั้งนี้แก่วังเต่าเป็นหนึ่งในชุมชนท่องเที่ยวในโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอครบุรีด้วย

>ชมภาพบรรยากาศ<<

อำเภอวังน้ำเขียว โคราช เปิดจุดกางเต้นท์บริการ นักท่องเที่ยวฟรีช่วงปีใหม่ คาดเงินสะพัดหลายสิบล้าน

หลายหน่วยงานวังน้ำเขียว เปิดจุดกางเต้นท์บริการ นทท.ฟรีช่วงปีใหม่  คาดเงินสะพัดหลายสิบล้าน

   นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าหนาว หรือไฮซีซั่นนี้ การเริ่มต้นการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวนั้นค่อนข้างช้า เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นช้ากว่าทุกปี ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มียอดทั้งท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์หากเทียบกับปีก่อนๆ  แต่อย่างไรก็ดีในห้วงเดือนธันวาคมได้มีการเพิ่มกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของหลายหน่วยงาน ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น  คาดว่ายอดจองห้องพักในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง น่าจะมียอดจองประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

               อย่างไรก็ตามถึงแม้ยอดการจองห้องพักจะสูงในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ แต่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียว ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่พัก เพราะทางหน่วยงานราชการหลายแห่ง ได้เตรียมสถานที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายจุด อาทิที่หมวดทางหลวงชนบทอำเภอวังน้ำเขียว รวมไปถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอวังน้ำเขียว ต่างก็จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กางเต้นท์สัมผัสกับบรรยากาศที่หนาวเย็นและสวยงามของอำเภอวังน้ำเขียว และยังมีระบบสาธารณูปโภคไว้ให้บริการอย่างครบครัน โดยไม่ต้องเสียค่าบริการด้วย

            ประธานส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวอีกว่า ฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ คาดการว่าจะมีเงินสะพัดจากท่องเที่ยวเที่ยวในพื้นที่ตลอดช่วงไฮซีซั่น ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงก็คาดว่าน่าจะมีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวหลักสิบล้านบาทขึ้นอย่างแน่นอน

>ชมภาพบรรยากาศเพิ่มเติม<<