โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

THAILAND

Amazing

วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

ตามนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ครม เห็นชอบการเตรียมพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยว

ต่างชาติผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาต เช่น มาจากประเทศที่ได้รับการอนุญาตหรือมีหนังสือ

รับรอง และหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางที่ชัดเจน มีการตรวจยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิด หลักฐานแสดงว่า

ครบ การชำระที่พัก รวมทั้งมีหลักฐานแสดงว่ามีกรมธรรม์หรือประกันภัยสุขภาพ ตามที่ ศบค

เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว/ไม่จำกัดพื้นที่ ยึดหลักคนไทยปลอดภัยต่างชาติมั่นใจ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมามี

ไทม์ไลน์ ที่จะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ นี้ มีการกำหนดพื้นที่นำร่องเปิดเมืองก่อนใน

๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอพิมาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสีคิ้ว และ

อำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดเตรียม

มาตรการต่างๆ รวมถึงนำมาตรฐาน SHA และ SHA Plus มาใช้ในสถานประกอบการท่องเที่ยว เพื่อให้ชาวโคราชมี

ความปลอดภัยและนักท่องเที่ยวปลอดภัย

นางภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน

นครราชสีมา กล่าวว่า โคราชพร้อมเปิดเมือง ต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐาน sha+ เพื่อเป็นการการประกาศ

ความพร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายหลังจาก ศบค.มี

มติให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีการผ่อนคลายมาตรการ กิจกรรมต่างๆ โดยให้ร้านอาหารในพื้นที่

ท่องเที่ยว สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่จะต้องได้รับตราสัญลักษณ์ตามโครงการมาตรฐานความปลอดภัย

ด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

และมั่นใจให้กับผู้ที่มาใช้สินค้าและบริการดังกล่าว สำหรับโครงการ SHA ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จาก

ผลกระทบจากโรคโควิต-๑๙ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดำเนินโครงการโดยการ

ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรม

ท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อม และดำเนินการปรับปรุง

สถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ควบคู่กับมาตรการด้านสุขอนามัย

SHA คือ ตราสัญลักษณ์ที่ผู้จัดทำโครงการตั้งใจให้เปรียบเสมือนได้ถึงความมั่นใจในความ

ปลอดภัยด้านสุขอนามัย จากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทไทย โดยเป็นโครงการที่ได้รับการ

ร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วน นั่นก็คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุน

บริการสุขภาพ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงาน

ภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งคำว่า SHA ย่อมาจากคำว่า Amazing Thailand Safety and

Health Administration มีจุดมุ่งหมายของโครงการคือ เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการ และกิจกรรมต่างๆ ได้

พัฒนาตัวเอง เตรียมความพร้อมสู่วิถีชีวิต New Normat และนำไปสู่การ ลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่

ระบาดของโรคไวรัส Covid-19 และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย ส่วน SHA+

คือตราสัญลักษณ์ใหม่จากโครงการโดยได้เริ่มต้นตั้งแต่ ต กรกฎาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำร่องที่จังหวัด

ภูเก็ต โดยมีเงื่อนไขคือ สถานประกอบการนั้นๆ ต้องได้รับเครื่องหมายมาตนฐาน SHA และบุคลากรในสถาน

ประกอบการอย่างน้อย ๗๐% ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ b เข็ม จึงจะได้รับ SHA Plus

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดประกวดและมอบรางวัลคลิปวีดีโอวัฒนธรรมโคราช

กรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาจัดโครงการประชาสัมพันธ์ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารประกาศผลชิงรางวัลโล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
วันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ณ สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ดร. ยลดาหวังศุภกิจ โกศล นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาพร้อมนาง เอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา นาย ไชยนันท์ แสงทองวัฒนธรรมจังหวัดและ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติร่วมพิธีประกาศผลรางวัลโครงการผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหาร การส่งเสริมต่อยอดสร้างสรรค์ ด้านภูมิปัญญาวัฒนธรรมดำเนินการโดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลลัยราชภัฎนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ ม.วงษ์ชวลิตกุลโดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชรูปแบบออนไลน์ให้แก่เยาวชนและประชาชนของจังหวัดนครราชสีมา โดยจัดอมรมเมื่อวันที่ 16 ต.ค 2564 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดนครราชสีมา

  1. เพื่อฝึกอบรมผลิตสื่อสารสนเทศรูปแบบออนไลน์ โดยการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชนให้ได้มีผู้เข้าร่วม สามารถผลิตสื่อด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราช อย่างสร้างสรรค์และมีเวลาแสดงความรู้ความสามารถด้านการตัดต่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมแก่นักศึกษาและประชาชน
  2. เพื่อพิจารณาคัดเลือกสื่อสารสนเทศดีเด่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชที่เยาวชนและประชาชนได้ผลิต เผยแพร่ และมอบรางวัล
    การดำเนินกิจกรรมโครงการนี้แบ่ง 2 ลักษณะ
  3. การอบรมเสริมสร้างความรู้ด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชบ้านเองและความรู้การเขียนเนื้อหาประกอบบทวีดีทัศน์ ระยะเวลา 1 วัน ผ่านระบบ Zoom online
  4. จัดทำวีดีทัศน์การประกวดขนาดความยาว 3 – 5 นาที / เรื่อง เพื่อชิงโล่รางวัล ท่านอิทธิพล คุณปลื้มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและประธานสภาตามลำดับ
    แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ด้านผ้าและอาหารโคราชมีโล่และเงินรางวัลชนะเลิศจากท่าน อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและเงินรางวัลรวมกว่า 50000 บาท จากโครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารได้มีทีมร่วมประกวดจำนวน 29 ทีม จำนวนผู้รว่มการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 87 ท่าน ผ่านรอบแรกบทวีดีทัศน์ประเภทผ้า 13 ทีมและประเภทอาหาร 15 ทีม และรอบสุดท้ายส่งบทวีดีโอได้มีการมอบรางวัลประเภทผ้า 5 รางวัล ได้แก่
  5. ทีม กิตติธัญกุล รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    กลุ่มทอผ้าไหมบ้านทับทับสวาย – ผ้าไหมมัดหมี่ลายปูน อ. ห้วยแถลง
  6. ทีม 9644FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    กลุ่มทอผ้าเทศบาลตำบลสูงเนิน – ผ้าเงี่ยงนางดำ อ. สูงเนิน
  7. ทีมวัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านโนนกุ่ม – ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
  8. ทีม อารยโชว์ โรงเรียนจระเข้หินสังฆกิจ ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    สหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรคึมมะอุสวนหม่อม – ผ้าขาวม้าไหมลายโน้ตดนตรี อ.บัวลอย
  9. ทีม Donpharm cup ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านถนนคต 9101 ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
    และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
  10. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
  1. และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
    1. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    หมู่บ้านวัตวิถีบ้านน้ำฉ่า – หมี่อ่อนสอดใส้ อ. ขามทะเลสอทีม
  2. 9644 FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    ร้านพจน์เป็ดย่างพิมาย – เป็ดย่าง อ. พิมาย

3..ทีม อาหารโคราชรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
บ้านขนมไทยโคราช – ขนมไทย อ. เมือง

4..ทีม นาย บฤงกฤษฎ์ พิทยาวิวัฒน์กุล ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
กระยาสารทแม่ปราณี – กระยาสารท อ. พิมาย

5.ทีม หนุ่มหน้ามน ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
ร้านตำไทบ้าน – ผัดหมี่โคราชอ.เมือง


จากการส่งเสริมผลิตสื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมผ้าและอาหารถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมต่อยอดภูมิปัญญาเผยแพร่สู่สาธรณะชนกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนรู้จักผ้าและอาหารโคราชตามมาตรฐานสากลต่อไป

ผู้สมัครนายก… “กล้าคิดกล้าทำ กล้านำพัฒนา “ขวัญใจมวลชน

นาย อุดม สร้อยแสงพันธุ์ ผู้สมัครนายก… “กล้าคิดกล้าทำ กล้านำพัฒนา “ขวัญใจมวลชน อบต.พันชนะเปิดตัวทีมงานเบอร์ 3 เปิดตัวทีมงานบริหารทีมใหม่.  แสดงวิสัยทัศน์ พัฒนาท้องถิ่น นำเสนอผลงานที่ผ่านมา ลงชุมชนทุกหมู่บ้าน 11 หมู่ และชุมชนในพื้นที่อย่างเข้มแข็งกลุ่มพัฒนาก้าวหน้า เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ในการเปลี่ยนแปลงพัฒนา ขอเสียงสนับสนุนเลือก

 นาย อุดม สร้อยแสงพันธุ์ จากผลงานอดีตประธานสภาอบต.พันชนะ และอดีตคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา ขอโอกาสพี่น้องตำบลพันชนะ คนรุ่นใหม่อาสาเป็นนักพัฒนารับใช้ พ่อแม่พี่น้องเสนอนโยบาย กลุ่มพัฒนาก้าวหน้า กล้าคิด กล้าทำกล้า นำพัฒนาขอเป็นนักอาสาเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ชุมชน ชาวตำบลพันชนะเลือกเบอร์ 3 เพื่อเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันชนะ ขอพ่อแม่พี่น้องชาวตำบลพันชนะ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ไปเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันชนะ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 เวลา 8:00 น ถึงเวลา 17.00 น

ผลิตสื่อทางอิเลคโทรนิคโดย…168 นิวส์ออนไลน์ นายโสภณวิชญ์ สงแจ้งเพจ168 นิวออนไลน์

จับกุมเครือข่าย ขบวนการดาวน์รถแลกเงินส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

จับกุมเครือข่ายขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

ตามบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปจร.ตร. และ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจ ภูธรภาค 3 ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเรื่องการนำรถไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน

ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3/ผอ.ศปจร.ภ.3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา

ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.พรเทพ ทุ้ยแป รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.มณฑล หงษ์กลาง รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ชัยพล คงขุนทด สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุดจิตจูล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ณัฐพล เฉลิมนพกุล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สืบสวนจับกุมคดีดังกล่าว

คดีนี้สืบเนื่องจาก นโยบายของสำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และนโยบายของ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ให้กวดขันจับกุม รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นประจำทุกเดือนนั้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนแสนสุข จ.นครราชสีมา ได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 6 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถจักรยานยนต์ใหม่ ได้ที่ริมถนนท้ายหมู่บ้านปรางค์ครบุรี ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ไว้ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเป็นรถที่ถูกลำเลียงมาจาก จ.ชลบุรี จากการสืบสวนขยายผลร่วมกับ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้เพิ่มเติมในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ 4 คัน และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 4 คัน รวม 14 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่กำลังลำเลียงจะนำไปส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรภาค 3

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบและทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาจนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 6 ราย ดังต่อไปนี้

1. นายเสกสรรค์ พันธ์ดี อายุ 39 ปี 13 ม.5 ต.คลองดำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี (ตัวแทนนายทุนต่างชาติ)

2. น.ส.สรยา โต๊ะยีหวัง อายุ 34 ปี 29/2 ม.14 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา (นายหน้า)

3. น.ส.ลำไพร มั่นคง อายุ 45 ปี 344 ม.9 ต.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ผู้เช่าซื้อ)

4. น.ส.ศุภิสรา สอนเจริญ อายุ 26 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ว่าจ้าง/จัดหาทีมขน)

5. นายสุทัศน์ สร้อยดั้น อายุ 18 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (หัวหน้าทีมขน)

6. นายพงศ์พัทธ์ ศรีมาตร อายุ 25 ปี 14 ม.8 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ทีมขน)

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดๆซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานซ่องโจร, หรือร่วมกันรับของโจร”

โดยพบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะของขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้ (1) นายทุนต่างชาติ(ประเทศเพื่อนบ้าน) แจ้งยี่ห้อ/รุ่น รถจักรยานยนต์ที่ต้องการ (2) ตัวแทนนายทุนต่างชาติประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ รับซื้อ/ดาวน์รถจักรยานยนต์มาแลกเงิน (3) กลุ่มนายหน้าติดต่อกับผู้ที่ต้องการเงินให้มาดาวน์รถฯ (เช่าซื้อ) เพื่อแลกเงิน (4) ผู้เช่าซื้อนำรถฯ ส่งมอบให้กับนายหน้าเพื่อแลกกับเงินที่ต้องการ (5)นายหน้ารวบรวบรถส่งให้กับตัวแทนนายทุนต่างชาติ (6) นายทุนต่างชาติ (ประเทศเพื่อนบ้าน) สั่งการให้ทีมขนดำเนินการนำรถที่รวบรวมมาได้ไปส่งมอบ ณ จุดนัดหมายเพื่อนำข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าขบวนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท

จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงผิดเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว โดยไปดาวน์รถให้ผู้อื่นเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย แล้วมาแจ้งความว่ารถหายเพื่อเอาประกัน นอกจากจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิดแล้ว ท่านจะต้องถูกดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จฯ อีกด้วย สำหรับบริษัทประกันภัย หรือผู้ให้บริการสินเชื่อ (ลิสซิ่ง/ไฟแนนซ์) หากพบว่าได้รับความเสียหายในลักษณะดังกล่าว ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้ จับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงผลการจับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินคดี มลูค่า 1,871,000 บาท
.
การจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” ทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 12 คดี ผู้ต้องหา 22 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 119,037 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน 59 นัด ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. 2534 รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 14 คัน รวมมูลค่า 1,871,000 บาท โดยการจับกุมครั้งนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
.
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่ง ได้ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างความ สงบสุขให้พี่น้องประชาชน

มทร.อีสาน จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา


.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 ไปถวายแด่พระสงฆ์ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มทร.อีสาน เป็นประธานในพิธี
.
พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภา มทร.อีสาน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อดีตอธิการบดี มทร.อีสาน และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา มทร.อีสาน รวมถึงแขกผู้มีเกียรติจาก มทร.อีสาน ทุกวิทยาเขต หน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมา และประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติร่วมในพิธี โดยมี พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้มีผู้มีจิตกุศลร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,281,084.89 บาท
.
สำหรับวัดพายัพเป็นพระอารมหลวงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2220 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับเมืองนครราชสีมา โดยวัดตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมือง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเสาหลักเมือง จึงได้ชื่อว่า ‘วัดพายัพ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 วัดที่เก่าแก่ของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ภายในวัด เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงมีพระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในท่าประทับยืนประดิษฐานอยู่ในศาลาทรงไทยอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถ นอกจากนี้ภายในวัดได้มีการสร้างถ้ำหินงอกหินย้อย ซึ่งมีการรวบรวมพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า 300 ปี ให้ประชาชนได้กราบไหว้ และชมความงามภายในถ้ำด้วย

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี วันที่ 6 พย.2564 พระครูปลัดภูมิปัญญาญาณสัมปันโนเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี นิมนต์พระราชภาวนาวชิรคุณ(หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต) วัดเขาตาเงาะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระครูปลัดภูมิ ปัญญา ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสีและคณะสงฆ์ ร่วมทอดผ้ากฐินได้รับเกียรติประธานสายบุญ พล.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม รองเสนาธิการทหารบก(อดีตแม่ทัพภาค 2 )ประธานฆราวาส ร่วมกับคณะ ศิษย์ยานุศิษย์ วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ที่มาร่วมงานจำนวนมาก ได้ปฏิบัติตามมาตรกา ป้องกันโควิด 19 กฐินสามัคคี รวมยอดบุญรวมถวายวัด 671,345.50 บาท ในโอกาสบุญนี้ ท่านเจ้าอาวาสได้ให้พรและขอให้ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้รับพรจากพระคุณพระศรีรัตนตรัยอำนวยอวยพร ผู้จิตศรัทธาและครอบครัว มีความสุขความเจริญด้วยอายุวรรณะธนสารสมบัติ สืบไป

จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

หลายภาคส่วนโคราช

หารือราคาข้าวตกต่ำ

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ ห้องประชุมท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานที่ประชุม  พร้อมนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา  ผู้แทนสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัด ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดนครราชสีมา  ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดนครราชสีมา และผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกที่ออกสู่ตลาดช่วงนี้ เป็นข้าวในพื้นที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ทำให้คุณภาพต่ำและมีความชื้นสูงร้อยละ 25-27  ซึ่งราคารับซื้อปกติเป็นข้าวคุณภาพ ตันละ 8,000-8,500  บาท  จึงขายไม่ได้ราคาเท่าที่ควร 

ขณะที่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับโดยมีโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 หากเกษตรกรขายได้ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลประกันไว้ก็สามารถรับเงินส่วนต่างได้  ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมมะลิที่แจ้งเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะได้รับเงินส่วนต่างตันละ 4,135.77 บาท โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง และจะมีการประกาศกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยทุกๆ 7 วัน

สำหรับผลผลิตข้าว จังหวัดนครราชสีมามีเกษตรขึ้นทะเบียนพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ จำนวน 3,114,495 ไร่ คาดว่าจะเสียหายจากภาวะอุทกภัย จำนวน 603,339 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ในส่วนนี้เกษตรกรที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2564 และระบุวันที่คาดว่าเก็บเกี่ยวก่อน 15 ตุลาคม 2564 และงวดสุดท้ายจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 จะได้รับเงินส่วนต่างด้วย  โดยผลผลิตข้าวจะเก็บเกี่ยวและออกสู่ตลาดมากตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นไม่เกินกลางเดือนธันวาคม 2564 

ในส่วนของ ธ.ก.ส. ได้เตรียมมาตรการรองรับ คือ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ที่ยุ้งฉางของตนเองและนำเงินสินเชื่อไปใช้จ่ายโดย ธ.ก.ส. ไม่คิดดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 5 เดือน เมื่อสถานการณ์ราคาดีขึ้นเกษตรกรสามารถชำระหนี้และนำข้าวเปลือกที่เก็บไว้ไปจำหน่ายได้ หรือหากราคาไม่ดีขึ้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการระบายและรับภาระส่วนต่าง นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อรวมรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โดยมีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อให้สถาบันเกษตรกรนำไปรวบรวมข้าวเพื่อจำหน่ายหรือแปรรูปต่อไป  รวมทั้งยังมีมาตรการคู่ขนาน คือ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ เก็บสต๊อกในรูปข้าวสารหรือข้าวเปลือก รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ ตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกไว้ในอัตราร้อยละ 3  ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต๊อกไว้ 60-180 วัน นับแต่วันที่ซื้อ (เบิกจ่ายเงินหรือออกตั๋วสัญญา) เพื่อรับซื้อข้าวเปลือก ปีการผลิต 2564/65

ทั้งนี้​ สำนักงาน​พาณิชย์​จังหวัด​นครราชสีมา​ จะได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด เรื่อง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564  เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับอำเภอทุกอำเภอเพื่อสื่อสารกับเกษตรกรอีกครั้ง

#ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวหนาวนี้…ที่โคราช…

#หนาวนี้ที่…#โคราช

#ท่องเที่ยวโคราชฤดูหนาว

#Amazingวิถีใหม่เที่ยวไทยไม่ตกTrend

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดงานแถลงข่าว “หนาวนี้ที่….โคราช” ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564  ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2564 – เดือน กุมภาพันธ์ 2565

นางภาวนา  ประจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงฤดูหนาว โดยการรวบรวมกิจกรรมทางการท่องเที่ยว จัดทำเป็นปฏิทินการท่องเที่ยวในแต่ละเดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 – เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูล เพื่อจะได้วางแผนในการเดินทางท่องเที่ยวและไม่พลาดที่จะไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามปฏิทินการท่องเที่ยวตลอด 4 เดือนนี้ ตามปฏิทินแนบ

และนอกจากนี้ ททท. ยังได้เตรียมของขวัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวนี้ด้วย โดยมีโปรโมชั่นท่องเที่ยวฤดูหนาว ตามโครงการ Amazing วิถีใหม่ เที่ยวไทยไม่ตก Trend เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Gen-y เพียงจองที่พักกับโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA (ที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท.) จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 300 บาท ไปใช้เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเดือน พฤศจิกายน 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 โดยเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งใน 4 เส้นทาง ดังนี้

1. ชมเมืองลอยฟ้ากับชุมชนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

2. เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

3. เส้นทางชวนเธอไปชมดาว สัมผัสหนาวที่เขาใหญ่ @ เดอะเปียโน รีสอร์ท

4. เส้นทางทัวร์ท่องไพร เขาใหญ่มรดกโลก

และโครงการเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองไทย ไม่รู้ลืม @ นครราชสีมา  เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Millennial Family (ครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่เดินทางพัฒนาทักษะของลูก) เพื่อเปิดโลกทัศน์และส่งมอบประสบการณ์ชีวิตด้วยกิจกรรม Event อาหารถิ่น ชุมชนท่องเที่ยว หรือแหล่งท่องเที่ยว หากจองเข้าพักกับโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA (ที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท.) จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 300 บาท ไปใช้ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน / ชุมชนบ้านใหม่ ต.ท่าช้าง / กรีนมีออร์แกนิคฟาร์ม / ทองสมบูรณ์คลับ / งาน Forest of Illumination ที่คีรีมายาเขาใหญ่  ระยะเวลาการใช้ Gift Voucher ตลอดเดือนธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 Gift Voucher มีจำนวนจำกัด จองก่อนได้สิทธิ์ก่อน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งชาวโคราชได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมขึ้นและมีมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนมั่นใจได้ว่ามาโคราชแล้วปลอดภัย แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความสวยงามในช่วงฤดูหนาวพร้อมต้อนรับทุกท่านมาเยี่ยมชมความงดงาม และมาสัมผัสอากาศดีๆ ในช่วงฤดูหนาวนี้…ที่โคราช

สุขภาพจิตแห่งชาติ “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปด้วยกัน”

สัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปด้วยกัน”

       นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานพิธีเปิดงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ

  ระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2365  “สุขภาพจิตไทย..วัดใจไปพร้อมกัน” www.วัดใจ. com

      จากสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ COVID-19 การทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพัน หลายคนประสบกับปัญหาธุรกิจ ตกงาน และอื่นๆ อีกมากมาย สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของประชาชนไทย โดยอัตราการฆ่าตัวตายจากเดิม 6.64 ต่อแสนประชากร ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 7.66 ต่อแส

น ประชากร ในปี 2563 ในจังหวัดนครราชสีมา เพิ่มขึ้นจาก 7.66.ต่อแสนประชากร เป็น 8.28 ต่อแสนประชากร

 

ช่วงปีที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิต ได้ดำเนินการวัดใจของประชาชนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ผ่านแอปพลิเคชั่น Mental Health Check in พบพาวะเสี่ยงด้านสุขภาพจิตประชาชนไทยด้วยหลักการ 4 สร้าง 2 ใช้ โดยสร้างความปลอดภัย สร้างความสงบ สร้างความหวัง สร้างการดูแล โดยใช้ศักยภาพและใช้ความสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมให้ชุมชน สถานประกอบการ โรงเรียนมีความเข้มแข็งทางจิตใจ มีพลังใจที่จะตอสู้กับปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

  ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น หลายคนล้ม หลายคนลุก หลายคนจบชีวิต หลายคนสร้างชีวิต สามารถพลืกวิกฤตให้เป็นโอกาส เห็นได้ว่า “วิธีคิดและจัดการกับปัญหา” รวมถึง “พลังใจ”ของเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรา “อยู่กับปัญหา” หรือ “ก้าวปัญหา”ได้อย่างมีความสุข

  ร.พ.จิตเวชนครราชสีมาและศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 จึงขอเชิญชวนมาร่วม “วัดใจไปพร้อมกัน”กับนิทรรศการทางด้านสุขภาพจิต กิจกรรม “วัดใจ” การให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิต กิจกรรมเสริมสร้าวพลังใจพร้อมรับของที่ระลึกเพื่อการดูแลจิตใจในช่วง COVID-19 ในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ณ ห้องโคราขฮอลล์ ชั้น 4   ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา ตั้งแต่เวลา 08.30 น เป็นต้นไป