เปิดฤดูการท่องเที่ยววังน้ำเขียว สวนสไตล์ญี่ปุ่น

สวน ‘คาโนนะ’ คาเฟ่ แฟ ฟิน ฟาร์ม วังน้ำเขียว ดินแดนอาทิตย์อุทัย จำลอง ที่เหล่าสาวกแดนปลาดิบไม่ควรพลาด กับบรรยากาศสไตล์หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ บ้านชิราคาวาโกะ สะพานแดงนากาบาชิ เสาโทริอิสีแดง แผ่นป้ายขอพร “เอมะ” สวนไผ่ญี่ปุ่น สวนดอกไม้ บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ให้เข้ากับบรรยากาศต้องใส่ ชุดยูกาตะ ซึ่งมีให้เช่าทั้ง ชาย-หญิง ในราคา 80 บาท เพื่อเก็บภาพไว้แชร์อวดเพื่อนๆ

พงศ์เทพ ศรีชมภู เจ้าของ ‘คาโนนะ’ คาเฟ่ เล่าว่า แม้จะยังไม่เคยไปสัมผัสบรรยากาศจริงๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นคนที่ชื่นชอบสไตล์หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ จึงคิดและลงมือทำร่วมกับแฟนและครอบครัว ส่วนชื่อ “คาโนนะ” มีความหมายว่า “เป็นไปได้” ซึ่งมาจากการสร้างสรรค์สถานที่ท่องเที่ยวด้วยความชอบ แต่มีทุนน้อยนิด แต่สามารถทำได้

ใครอยากสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น ไปกันได้ที่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ทางเข้าอยู่ซอยเดียวกับอนามัยไทยสามัคคี ตำบลไทยสามัคคี เข้าชมฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สนใจโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 096-954-6682

เปิดแล้ว..ท่องเที่ยว..วังน้ำเขียว

นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา อำเภอวังน้ำเขียว ได้ออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศหลังฝ่าวิกฤตสถานการณ์โควิด – 19

โดยนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความมั่นคงและมั่นใจกับพี่น้องประชาชน และได้ปลดล็อกในหลายเรื่องที่จะทำให้พี่น้องอยู่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว ที่ในขณะนี้ได้ดำเนินการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้ง เตรียมปรับทัศนียภาพตามฤดูการเพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่จะตามมา

ทั้งนี้ นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ได้ฝากถึงการความพร้อมในเรื่องของที่พัก ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน บวกกับอากาศที่สุดแสนจะดี มีหมอกลงในช่วงเช้าและเย็น ต้นไม้ที่ได้รับฝน ก็เขียวขจี นอกจากนี้ ยังสามารถชมกะทิอย่างใกล้ชิดได้อย่างจุตาจุใจ  เหมาะอย่างยิ่งในการพักผ่อนในช่วงผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับสถานที่แนะนำนั้น ประกอบด้วยสถานที่จากแหล่งธรรมชาติ เช่น เขาแผงม้า  เขื่อนสันกำแพง  และทุ่งดอกไม้ที่กำลังจะจัดเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวในเร็ว ๆ นี้

สายธารน้ำใจช่วยเหลือเด็กผู้พิการอายุ 7 ขวบอยู่กับยาย ที่ได้รับคัดเลือกจากกลุ่มผู้พิการยากไร้

ที่ผ่านมา นาง​สาย​พิณ​ เอี่ยม​อุไร​ ปลัด ​อบต.ปฏิบัติ​หน้าที่​นายก​อบต.​หนอง​ตะ​ไก้​  พร้อมข้าราชการและพนักงาน อบต.หนองตะไก้  อ.สูงเนิน  จ.นครราชสีมา  ได้ลงพื้นที่ มอบวัสดุในการสร้างบ้านให้กับเด็กชายวสันต์ บุญไทยกลาง อายุ 7 ปี ผู้พิการที่ได้คัดเลือกจากครอบครัวที่ยากไร้ โดยมีนางยุพา สมภักดี อายุ 47 ปี เป็นยายผู้ดูแล  แม่และพ่อของเด็กต้องออกไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเลี้ยงลูกและแม่

ทางด้านนางสายพิณ เอี่ยมอุไร ปลัดปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.หนองตะไก้  ได้ให้สัมภาษณ์ว่า  ได้รับการยื่นคำร้องจาก นางยุพา  สมภักดี  ผู้เป็นยายของเด็กชายวสันต์  บุญไทยกลาง  อายุ 7 ปี เป็นผู้พิการ ไม่สามารถเดินหรือช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งพ่อและแม่ของเด็กต้องออกไปทำงานเพื่อหาเงินมาดูแลครอบครัว จึงฝากลูกไว้กับยาย เมื่อไม่นานมานี้  ทางด้านนางยุพาจะได้มายื่นคำร้องที่ อบต. เพื่อขอให้มาดูแล ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เท่าที่จะสามารถช่วยได้  และเมื่อนางสายพิณ เอี่ยมอุไร ปลัดปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.หนองตะไก้  ได้ลงพื้นที่ไป พบว่า สภาพบ้านเป็นสังกะสีเกือบทั้งหลัง มีรอยรั่วของหลังคา และไม่มั่นคง

อีกทั้งจากการสอบถาม นางยุพา ทราบว่า พื้นที่ในการอยู่อาศัย เป็นของเครือญาติ ก็กำลังจะโดนให้ออกจากพื้นที่ จึงได้ดำเนินการเสนอเข้ารับการพิจารณางบประมาณช่วยเหลือจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครราชสีมา จนได้รับงบประมาณสนับสนุนจัดซื้อวัสดุเพื่อนำมาปรับสภาพบ้านที่อยู่อาศัยของผู้พิการ จำนวน 20,000 บาท และต่อมา มีสมาชิก อบต.หนองตะไก้ หมู่ที่ 11 คุณชุติกาญจน์ ได้ให้ความอนุเคราะห์โอนที่ดินส่วนตัว  ให้กับนางยุพา ในการสร้างบ้านหลังใหม่ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มั่นคงขึ้น

ข่าว/ภาพ : ธวัชชัย เครือบสูงเนิน

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเขต 3 โคราช จัดกีฬาภายในกระชับความสัมพันธ์

ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นพิธีเปิดโครงการส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ประจำปี 2563 โดย ดร.รัตนะ วรบัญฑิต ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 เป็นประธานเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วย นายอภิชาติ ติยวัฒน์ ประธานคณะกรรมการสงเคราะห์สำหรับเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา, นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา, นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และเยาวชนที่ร่วมในการแข่งขันในครั้งนี้

โดยศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดโครงการส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ประจำปี 2563 เพื่อให้เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ได้เล่นกีฬา และออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ตระหนักถึงโทษภัยของยาเสพติด ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อเป็นบุคลากรที่ดี มีคุณภาพของประเทศไทยต่อไปในอนาคต


โดยการแข่งขันกีฬาและนันทนาการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ในครั้งนี้ มีการชิงชัยกันทั้งหมด 6 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล, ฟุตซอล, วอลเลย์บอล,เปตอง, เทเบิลเทนนิส และกีฬาเซปักตะกร้อ ทำการแข่งขันในระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2563 มีเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมด 380 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่มสี ได้แก่ สีเหลือง, สีเขียว, สีส้ม และสีฟ้า
ทั้งนี้ หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีเปิดการแข่งขัน ได้มีฟุตบอลกระชับมิตร โดยเป็นการพบกันระหว่างทีมเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ลงสนามพบกับทีมเจ้าหน้าที่จากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายให้กับบุคลากรของทั้ง 2 องค์กรด้วย

ผู้ว่าโคราชออกคำสั่ง เปิดโรงแรมทุกประเภท 1 มิ.ย.63

ผู้ว่าโคราช ออกคำสั่งยกเลิกการปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย กรณีโรงแรม ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ทุกประเภท เริ่ม วันที่ 1 มิถุนายน 2563 นี้

          เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ว่าด้วยเรื่องยกเลิกการปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย กรณีโรงแรม ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ทุกประเภท

          โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของจังหวัดนครราชสีมา  ณ ปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อจำนวน  19 คน รักษาหายแล้วทั้งหมด ยังคงเหลือผู้ที่ต้องติดตามดูอาการอีกไม่กี่ราย  และไม่พบผู้เสียชีวิตต่อเนื่องนานกว่า 20 วัน  จึงเห็นสมควรให้โรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ทุกประเภท ได้เปิดให้บริการ ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเห็นชอบ พร้อมด้วยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยให้ผู้ประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ยังได้มีสิทธิพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีความเสียสละอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ทางจังหวัดนครราชสีมา โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย พร้อมด้วยผู้ประกอบการโรงแรมทั้งจังหวัด ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ลด 20-50 % ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเป็นการขอบคุณ และมอบโอกาสในการพักผ่อนในครั้งนี้อีกด้วย

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมปลูกป่า เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว และลดภาวะโลกร้อน

วันที่ 26 พฤษภาคม  2563 ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดกิจกรรม “ยุติธรรม สร้างป่า สร้างคน เพื่อชุมชนที่ยั่งยืน” ภายใต้โครงการเฉลิมพระเกียรติฯเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยได้รับเกียรติจากนายอภิชาติ  ติยวัฒน์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี ดร.รัตนะ  วรบัญฑิต  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้กล่าวรายงาน 

            สำหรับกิจกรรมดังกล่าว ทางคณะผู้จัดได้เล็งเห็นว่า การสร้างป่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน และจะสำคัญอย่างยิ่งหากพวกเราทุกคนได้สร้างจิตสำนึกการปลูกป่าให้อยู่ในใจเด็กและเยาวชน ที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติเพื่อให้พวกเขาได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมแรงร่วมใจลดภาวะโลกร้อน ลดภาวะมลพิษทางอากาศ ด้วยการปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป็นการแสดงพลังแห่งความจงรักภักดี แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยน้อมนำแนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ มาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย

            สำหรับกล้าไม้ที่ใช้ปลูก ชื่อว่า ซิลเวอร์โอ๊ค ที่ได้รับความอนุเคราะห์จาก ผู้จัดการเอวาฟาร์ม 888 เขาใหญ่ ที่ได้นำมามอบเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับองค์กร และแน่นอน หากต้นไม้นี้เติบโตขึ้นก็จะสร้างร่มเงาให้กับเด็กและเยาวชนภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

มทส. เริ่มแผนวิจัยผลิตกัญชาเชิงคุณภาพ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ย้ายต้นกล้าพันธุ์ฝอยทองภูผายลรุ่นแรกเข้าโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล

มทส. เริ่มแผนวิจัยผลิตกัญชาเชิงคุณภาพ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
ย้ายต้นกล้าพันธุ์ฝอยทองภูผายลรุ่นแรกเข้าโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล

ที่ผ่านมา  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้ฤกษ์ย้ายต้นกล้ากัญชาพันธุ์ฝอยทองภูผายล สกลนคร รุ่นแรก หลังได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามแผนการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เข้าพื้นที่ภายในโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล เพื่อผลิตวัตถุดิบกัญชา การตรวจสอบคุณภาพ การใช้พื้นที่แปรรูป เพื่อใช้ผลิตยาสมุนไพรไทย 9 ตำรับเชิงพาณิชย์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เผยดำเนินการอย่างรัดกุมภายใต้ข้อกำหนดและการกำกับดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ปลูก 3,360 ต้นต่อรอบการผลิต คาดเก็บเกี่ยวรอบแรก เดือนกรกฎาคม – สิงหาคมนี้

มทส. เริ่มแผนวิจัยผลิตกัญชาเชิงคุณภาพ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ย้ายต้นกล้าพันธุ์ฝอยทองภูผายลรุ่นแรกเข้าโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล

มทส. เริ่มแผนวิจัยผลิตกัญชาเชิงคุณภาพ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
ย้ายต้นกล้าพันธุ์ฝอยทองภูผายลรุ่นแรกเข้าโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล

ที่ผ่านมา  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้ฤกษ์ย้ายต้นกล้ากัญชาพันธุ์ฝอยทองภูผายล สกลนคร รุ่นแรก หลังได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตามแผนการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เข้าพื้นที่ภายในโรงเรือนระบบปิดตามมาตรฐานสากล เพื่อผลิตวัตถุดิบกัญชา การตรวจสอบคุณภาพ การใช้พื้นที่แปรรูป เพื่อใช้ผลิตยาสมุนไพรไทย 9 ตำรับเชิงพาณิชย์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เผยดำเนินการอย่างรัดกุมภายใต้ข้อกำหนดและการกำกับดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ปลูก 3,360 ต้นต่อรอบการผลิต คาดเก็บเกี่ยวรอบแรก เดือนกรกฎาคม – สิงหาคมนี้


รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในโอกาสเป็นประธาน“พิธีปลูกต้นกล้ากัญชา เพื่อการวิจัยการผลิตกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์” พร้อมนี้ นพ.สำเริง แหยงกระโทก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบใบอนุญาตในการปลูกและครอบครองกัญชา ให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ณ สวนเกษตรเฉลิมพระเกียรติ เฉลิมบรมราชกุมารี สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส.


รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี มทส. เปิดเผยว่า “จากการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทย ขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมการผลิตกัญชาแพทย์แผนไทย ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อปลูกวัตถุดิบกัญชา การตรวจสอบคุณภาพ การใช้พื้นที่แปรรูป การวิจัยยาสมุนไพรที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีสำหรับทำยาสมุนไพรคุณภาพและถูกต้องตามมาตรฐานสากล โครงการวิจัย “การผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์” โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นันทกร บุญเกิด เป็นนักวิจัยหลัก ได้มีการวางแผนการผลิต แผนการจําหน่าย และแผนการใช้ประโยชน์ เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามลำดับ กระทั่ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกใบอนุญาตการปลูกและครอบครองเมล็ดพันธุ์กัญชา ให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นที่เรียบร้อย นับจากนี้ มทส. จะเดินหน้าตามแผนงานอย่างเต็มกำลัง หลังจากเตรียมการปรับพื้นที่พื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา บรมราชกุมารี ขนาด 15 ไร่ จัดสร้างโรงเพาะชำต้นกล้า จำนวน 1 โรง โรงเรือนเพื่อการปลูก ขนาด 5 x 100 เมตร จำนวน 2 โรง เป็นโรงเรือนระบบปิดวางระบบน้ำหยด พร้อมระบบระบายอากาศ เพื่อการเพาะกล้า การเตรียมดิน การปลูก การเก็บผลผลิตกัญชา และการจัดทำรายงานผล ซึ่งจะดำเนินการอย่างรัดกุมภายใต้ข้อกำหนดที่ระบุปลูกได้จำนวน 3,360 ต้นต่อหนึ่งรอบการผลิต “เมล็ดพันธุ์กัญชาฝอยทองภูผายล” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ซึ่งได้ทำการคัดแยกต้นกล้ากัญชารุ่นแรก และทำการย้ายปลูกในวันนี้ โดยได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธาณสุข หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน วิสาหกิจชุมชน เข้าร่วมงาน และเมื่อต้นกล้ามีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร จะทำการคัดเลือกต้นที่สมบูรณ์ไปปลูกภายในโรงเรือน ทั้ง 2 โรง แบ่งเป็นปลูกในกระถาง 1,500 กระถาง และปลูกแบบลงดิน 1,860 ต้น
รวมจำนวน 3,360 ต้นต่อรอบการผลิต สำหรับผลผลิตกัญชาสด จำนวน 2,000 กิโลกรัม จะทำการเก็บเกี่ยวรอบแรกประมาณเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม รอบที่สอง เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563 ซึ่งทุกขั้นตอนจะต้องใช้ความทักษะและประสบการณ์อย่างสูง ทั้งนี้ วัตถุดิบทางการผลิตที่เหลือจะถูกเผาทำลายโดยโรงเผาขยะชีวมวล มทส. ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบฯ อย่างใกล้ชิด และก่อนเก็บเกี่ยวจะต้องประสานให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา ในวิเคราะห์สารตกค้าง 5 ส่วน คือ ราก ลําต้น ใบ ดอก และเมล็ด เพื่อให้ได้วัตถุดิบคุณภาพถูกต้องตามมาตราฐาน ก่อนส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โรงพยาบาลเครือข่ายกรมการแพทย์แผนไทย เป็นผู้ผลิตยาสมุนไพรแผนไทย จํานวน 9 ตํารับ คือ ตำรับศุขไสยาศน์ ตำรับทำลายพระสุเมรุ ตำรับยาทาริดสีดวงทวารและโรคผิวหนัง ตำรับยาแก้ลมแก้เส้น ตำรับยาแก้ลมขึ้นเบื้องสูง ตำรับยาแก้ลมเนาวนารีวาโยตำรับยาไพสาลี ตำรับยาอไภยสาลี และตำรับยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไขผอมเหลือง เป็นไปตามแผนการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พัฒนาต่อยอดยาสมุนไพรไทยสู่เชิงพาณิชย์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน”


นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ตามนโยบายรัฐบาล ในการสนับสนุนการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัย ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการอนุญาตให้ใช้ “กัญชาเสรีเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายหลังจากมีการประกาศให้ใช้บังคับพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 มาตรา 26/2 ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่มุ่งเน้นประโยชน์ในทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาทุกรายมีสิทธิในการเข้าถึงกัญชาเพื่อการรักษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง และการเข้าถึงกัญชาจะต้องไม่เป็นการจำกัดรูปแบบเฉพาะผลิตภัณฑ์กัญชาเกรดทางการแพทย์ (Medical Grade) เท่านั้น แต่ผู้ป่วยจะต้องมีเสรีภาพในการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทุกรูปแบบ ทั้งรูปแบบยาแผนปัจจุบัน (Modern Drugs) ตำรับยาตามตำรายาแผนไทย ตำรับ Special Access Scheme (SAS) สำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย และตำรับยาจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน (Traditional Products) ดังนั้น การจัดพิธีปลูกต้นกล้ากัญชา เพื่อการวิจัยการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการขับเคลื่อนและกระตุ้นสังคมให้เล็งเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนากัญชาในประเด็นที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ เพื่อนําไปสู่การดําเนินงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวต่อไป”

กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ปล่อยคาราวานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ปล่อยคาราวานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

ที่ผ่านมา    กองทัพภาคที่ 2 โดย กองพันกองพันทหารช่างที่ 201 กรมทหารช่างที่ 2 และ กองพันทหารปืนใหญ่ที่3 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3 จำนวน 28 นาย ได้จัดชุดปฏิบัติการ “Army Delivery” ขับรถจักรยานยนต์ ออกมอบข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่ม ให้ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19

เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจ ช่วยเหลือบรรเทา คลายความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง #เราไม่ทิ้งกัน
#ช.2พัน.201
#ป.3พัน.3
#กองพลพัฒนา2
#กองทัพภาคที่2

เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำการเป็น ผู้นำ สะอาด มั่นใจ นำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’

เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำการเป็น ผู้นำ สะอาด มั่นใจนำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’ ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์
พร้อมประกาศช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชนด้วยการให้พื้นที่ฟรีกับเกษตรกรและ SMEs ทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ (12 พฤษภาคม 2563) – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ประกาศเดินหน้าแนวปฏิบัติตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” 5 แกนหลัก มากกว่า 75 มาตรการที่ได้ประกาศไปเป็นรายแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมนำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ เพื่อตอบโจทย์การสร้าง Touchless Experience ตาม ‘New Normal’ ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมประกาศช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศด้วยการให้พื้นที่ศูนย์การค้าฟรี 40,000 ตร.ม. และโปรโมททางช่องทางออนไลน์ เพื่อระบายสินค้าในศูนย์การค้า 33 สาขาทั่วประเทศ

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย บริษัทฯ ขอขอบพระคุณบุคลากรทางการแพทย์ และคนไทยทุกคนที่ร่วมใจกันอย่างแข็งขัน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการมีวินัยในการใช้ชีวิตของคนไทยที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรอบ สำหรับเซ็นทรัลพัฒนา เราคำนึงถึง 2 ส่วนหลักที่ต้อง balance ให้เกิดขึ้น คือ เรื่องสุขภาพ จะทำอย่างไรให้สถานที่มีความปลอดภัย เราจึงสร้างบรรทัดฐานที่ดี เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคนที่มาใช้บริการ โดยเราได้สื่อสารมาตรการต่างๆ ไปยังผู้เช่าร้านค้าเพื่อให้มีเวลาในการศึกษาทำความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ ร้านค้าต่างๆ และพนักงานทุกคนภายในศูนย์ฯ จะได้พร้อมให้บริการตามมาตรฐานใหม่ และลูกค้าเองก็จะได้มั่นใจในการมาใช้บริการภายในศูนย์ฯ และอีกประการหนึ่งที่เราต้องทำคือ ดูแลสนับสนุนคู่ค้าร้านค้า และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรทั่วประเทศ สามารถเดินหน้าธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ช่วยขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้”

นางสาววัลยากล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนามาตรการต่างๆ สำหรับลูกค้าและร้านค้าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยล่าสุด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ได้นำร่องนวัตกรรมต้นแบบลิฟต์ไร้การสัมผัส (Touchless Lift) ซึ่งกำลังทดสอบและพัฒนาต่อไป โดยมีวิธีการใช้ง่ายๆ เพียงลูกค้าใช้นิ้วผ่านเหนือปุ่มเซ็นเซอร์เพื่อไปยังชั้นที่ต้องการ ระบบก็จะทำงานทันทีโดยอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดใดๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการใช้ชีวิต ‘New Normal’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 แกนหลักของมาตรการเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ได้แก่ (1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening), (2) มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด, (3) การติดตามเพื่อความปลอดภัย (Safety Tracking), (4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Deep Cleaning) และ (5) แนวทางลดการสัมผัส (Touchless Experience) นอกจากนี้ ถึงแม้ในช่วงระหว่างที่มีการปิดศูนย์การค้าบางส่วน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้มีการบำรุงรักษาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ มีการเปิดระบบปรับอากาศบางส่วนทุกวัน ซึ่งทำให้มีการหมุนเวียนของอากาศในพื้นที่ และมีการบำรุงรักษาตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมกลับมาให้บริการ

นางสาววัลยา กล่าวเสริมว่า “เพื่อเป็นการช่วยผลักดัน ‘เศรษฐกิจชุมชน’ และสร้างรายได้ให้เกษตรกร และธุรกิจ SMEs รวมถึงพนักงานต่างๆ เซ็นทรัลพัฒนาจะเปิดพื้นที่ให้กับเกษตกร หรือ ธุรกิจ SMEs นำสินค้ามาค้าขายได้ฟรี โดยมีพื้นที่ 30,000-40,000 ตร.ม. ในศูนย์การค้าทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ ในระยะเวลา 3-6 เดือน และช่วยเหลือในการโปรโมทจำหน่ายสินค้าทาง online platform ต่างๆ และพร้อมทั้งมีมาตรการสำหรับคู่ค้าร้านค้าที่เรามีกว่า 15,000 ราย และมีการจ้างงานกว่า 100,000 คนโดยเราก็พยายามช่วยธุรกิจต่างๆ อย่างเต็มที่ ด้วยการขยายโอกาสในการขายช่องทางต่างๆ และช่วยยกเว้นหรือลดค่าเช่ามาตลอดตั้งแต่เกิดวิกฤตมาในเดือนกุมภาพันธ์ และจะให้ส่วนลดต่อเนื่องหลังจากศูนย์ฯ เปิดให้บริการใหม่ไปอีกประมาณ 3-6 เดือน โดยจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือให้ฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้อีกด้วย”

ที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่และต่อเนื่องในการปฎิบัติตามมาตรการต่างๆ รณรงค์การทำ Social Distancing ที่ชัดเจนและเคร่งครัดจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนให้ประชาชน ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ แต่หากต้องมาใช้บริการที่จำเป็น เราได้ดำเนินมาตรการความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นการดำเนินการของภาครัฐด้านสาธารณสุขของไทยที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก และในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ การเปิดให้บริการศูนย์การค้าของซีพีเอ็นจะขึ้นอยู่กับคำสั่งของภาครัฐเท่านั้น”

โดยในระหว่างนี้และอนาคต ศูนย์การค้าจะยังคงจัดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้สะดวกขึ้น ด้วย 4 บริการยกระดับ ตอบโจทย์ New Normal Lifestyle ของลูกค้าในสภาวการณ์เช่นนี้ ได้แก่ บริการ One Call, One Click โทร 02-021-9999 หรือ LINE Official Account : @CentralLife, บริการ Drive Thru, บริการ Central Eats ร่วมกับ Grab Food และบริการ Food Delivery & Food Pick Up Counter และล่าสุด บริการ CentralLife: Chat & Shop เหมือนช้อปด้วยตัวเองจากเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล วิลเลจ โดยทุกบริการปฏิบัติภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ ที่ป้องกันอย่างรัดกุมเพื่อความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทุกคน