ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง
ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

(นครราชสีมา) ซีพีเอฟ นครราชสีมายืนหยัดการส่งมอบความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนรอบโรงงาน ล่าสุด ได้สนับสนุนเนื้อไก่สด ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตามนโยบายเครือซีพี ให้กับผู้นำชุมชนหมู่บ้านโซนกอโจด-ไทรย้อย ต.ท่าเยี่ยม จ.นครราชสีมา รวม 4 หมู่ 37 ครอบครัว เพื่อให้ชุมชนนำไปทำข้าวมันไก่ แจกให้ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดด้วย นอกจากนี้ ยังมอบเนื้อไก่-เนื้อหมูอีกกว่า 300 กก. ผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนโรงครัวสภากาชาดไทย นำไปปรุงอาหารให้ประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัย ในพื้นที่ตำบลสารภี อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องในชุมชนต่างๆแล้วโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ซีพีเอฟนครราชสีมา ได้ดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการจัดทำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เพื่อปกป้องทั้งพนักงานและชุมชน ตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.กำหนด เพื่อควบคุมโรคและจำกัดพื้นที่การระบาด เน้นย้ำการจัดกลุ่ม คุมได้ไว ลดการแพร่กระจาย โดยแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา ส่วนกลุ่มเสี่ยงได้จัดที่พักกักตัวอยู่ภายในโรงงานและสถานที่พักที่กำหนด พร้อมจัดรถรับส่ง โดยไม่มีพนักงานคนใดออกนอกสถานที่พักหรือนอกเส้นทางระหว่างที่พักกับโรงงานได้

นพ.ชาญชัย บุญอยู่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความร่วมมือ ดำเนินมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับ นางสาวทิพวรรณ ศรีทรมาศ นักระบาดวิทยา ซึ่งได้กล่าวชมว่าการทำบับเบิลแอนด์ซีลของซีพีเอฟนครราชสีมามีการทำเป็นระบบมีการแยกพนักงานที่มีความเสี่ยงออกจากพนักงานปกติอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนนำเข้าระบบบับเบิลแอนด์ซีล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ไม่พบพนักงานป่วย หรือมีอาการหนักเพิ่มเติม

นอกจากนี้ พนักงานในโรงงานยังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันแล้วเกือบ 100% ทำให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อผนวกกับมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลที่เข้มข้น ทำให้โรงงานแห่งนี้จัดเป็นต้นแบบโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการระบบป้องกันโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของนครราชสีมา./

เปิดฤดูการท่องเที่ยววังน้ำเขียว สวนสไตล์ญี่ปุ่น

สวน ‘คาโนนะ’ คาเฟ่ แฟ ฟิน ฟาร์ม วังน้ำเขียว ดินแดนอาทิตย์อุทัย จำลอง ที่เหล่าสาวกแดนปลาดิบไม่ควรพลาด กับบรรยากาศสไตล์หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ บ้านชิราคาวาโกะ สะพานแดงนากาบาชิ เสาโทริอิสีแดง แผ่นป้ายขอพร “เอมะ” สวนไผ่ญี่ปุ่น สวนดอกไม้ บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ให้เข้ากับบรรยากาศต้องใส่ ชุดยูกาตะ ซึ่งมีให้เช่าทั้ง ชาย-หญิง ในราคา 80 บาท เพื่อเก็บภาพไว้แชร์อวดเพื่อนๆ

พงศ์เทพ ศรีชมภู เจ้าของ ‘คาโนนะ’ คาเฟ่ เล่าว่า แม้จะยังไม่เคยไปสัมผัสบรรยากาศจริงๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นคนที่ชื่นชอบสไตล์หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ จึงคิดและลงมือทำร่วมกับแฟนและครอบครัว ส่วนชื่อ “คาโนนะ” มีความหมายว่า “เป็นไปได้” ซึ่งมาจากการสร้างสรรค์สถานที่ท่องเที่ยวด้วยความชอบ แต่มีทุนน้อยนิด แต่สามารถทำได้

ใครอยากสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น ไปกันได้ที่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ทางเข้าอยู่ซอยเดียวกับอนามัยไทยสามัคคี ตำบลไทยสามัคคี เข้าชมฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สนใจโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 096-954-6682

เปิดแล้ว..ท่องเที่ยว..วังน้ำเขียว

นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา อำเภอวังน้ำเขียว ได้ออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศหลังฝ่าวิกฤตสถานการณ์โควิด – 19

โดยนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความมั่นคงและมั่นใจกับพี่น้องประชาชน และได้ปลดล็อกในหลายเรื่องที่จะทำให้พี่น้องอยู่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว ที่ในขณะนี้ได้ดำเนินการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้ง เตรียมปรับทัศนียภาพตามฤดูการเพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่จะตามมา

ทั้งนี้ นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ได้ฝากถึงการความพร้อมในเรื่องของที่พัก ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน บวกกับอากาศที่สุดแสนจะดี มีหมอกลงในช่วงเช้าและเย็น ต้นไม้ที่ได้รับฝน ก็เขียวขจี นอกจากนี้ ยังสามารถชมกะทิอย่างใกล้ชิดได้อย่างจุตาจุใจ  เหมาะอย่างยิ่งในการพักผ่อนในช่วงผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับสถานที่แนะนำนั้น ประกอบด้วยสถานที่จากแหล่งธรรมชาติ เช่น เขาแผงม้า  เขื่อนสันกำแพง  และทุ่งดอกไม้ที่กำลังจะจัดเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวในเร็ว ๆ นี้

ทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว เตือนเส้นทางสายเที่ยว วังน้ำเขียว – เขาใหญ่ อยู่ในระหว่างการขยายถนน ท่องเที่ยวปีใหม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว เตือนเส้นทางสายเที่ยว วังน้ำเขียว – เขาใหญ่ อยู่ในระหว่างการขยายถนน ท่องเที่ยวปีใหม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

นายธนะชัย อินทรศร  ผู้อำนวยการหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว กล่าวว่า ในห้วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.61 ถึง วันที่ 2 ม.ค.62 ทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว  ซึ่งเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากจะใช้สัญจรเพื่อท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอปากช่องและอำเภอวังน้ำเขียว ระยะทางรวมเกือบ 200 กิโลเมตร รวม 7 สายทาง  จึงได้มีการกำหนดมาตรการต่างๆทั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุรวมไปถึงอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน แม้ไม่ใช่ถนนสายหลักก็ตาม ซึ่งจะมีการตั้งจุดบริการประชาชนเป็นระยะๆ เพื่ออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน

โดยถนนสายสำคัญที่ต้องดูแลส่วนใหญ่ก็จะเป็นเส้นทางเดินทางท่องเที่ยว อาทิ ทางหลวงชนบทนครราชสีมา หมายเลข 1016 หรือถนนธนะรัตน์ ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร  ซึ่งก็ได้มีการติดป้ายเตือนไม่ให้ใช้ความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด พร้อมป้ายบอกทางเลี่ยงการจราจรติดขัด รวมไปถึงป้ายเตือนระวังสัตว์ป่าข้ามถนน เนื่องจากที่ผ่านมามีสัตว์ป่าหลายชนิดที่เดินข้ามไปมาหลายจุด นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางผ่านถนนสายดังกล่าวต้องระวังเป็นพิเศษ  เส้นทางสายวังน้ำเขียว – เขาใหญ่ ทางหลวงชนบทนครราชสีมา หมายเลข 3052  ระยะทาง 69 กิโลเมตรเศษ  ซึ่งเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาบ้าง เนื่องจากอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายถนน ด้วยงบประมาณเกือบ 350 ล้านบาทมาดำเนินการ  ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่จะจ้องเดินทางผ่านถนนสายดังกล่าวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งทางหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว ได้นำป้าแจ้งเตือนและสัญญาณเตือนต่างๆไปติดตั้งไว้ตลอดทั้งเส้นทางแล้ว

ส่วนอีกเส้นทางคือเส้นทางตำบลไทยสามัคคี – ผาเก็บตะวัน ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นอีกสายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยว ก็จะมีการดำเนินการติดตั้งป้าเตือนสัตว์ป่า บริเวณที่ถนนชำรุดก็จะมีการติดตั้งป้ายสัญญาณเตือน รวมไปถึงจัดสายตรวจทางหลวงชนบทออกดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเช่นเดียวกัน

>เสียงสัมภาษณ์ พร้อมภาพบรรยากาศ<<

อำเภอวังน้ำเขียว โคราช เปิดจุดกางเต้นท์บริการ นักท่องเที่ยวฟรีช่วงปีใหม่ คาดเงินสะพัดหลายสิบล้าน

หลายหน่วยงานวังน้ำเขียว เปิดจุดกางเต้นท์บริการ นทท.ฟรีช่วงปีใหม่  คาดเงินสะพัดหลายสิบล้าน

   นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าหนาว หรือไฮซีซั่นนี้ การเริ่มต้นการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวนั้นค่อนข้างช้า เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นช้ากว่าทุกปี ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มียอดทั้งท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์หากเทียบกับปีก่อนๆ  แต่อย่างไรก็ดีในห้วงเดือนธันวาคมได้มีการเพิ่มกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของหลายหน่วยงาน ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น  คาดว่ายอดจองห้องพักในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง น่าจะมียอดจองประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

               อย่างไรก็ตามถึงแม้ยอดการจองห้องพักจะสูงในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ แต่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียว ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่พัก เพราะทางหน่วยงานราชการหลายแห่ง ได้เตรียมสถานที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวหลายจุด อาทิที่หมวดทางหลวงชนบทอำเภอวังน้ำเขียว รวมไปถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอวังน้ำเขียว ต่างก็จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กางเต้นท์สัมผัสกับบรรยากาศที่หนาวเย็นและสวยงามของอำเภอวังน้ำเขียว และยังมีระบบสาธารณูปโภคไว้ให้บริการอย่างครบครัน โดยไม่ต้องเสียค่าบริการด้วย

            ประธานส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวอีกว่า ฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ คาดการว่าจะมีเงินสะพัดจากท่องเที่ยวเที่ยวในพื้นที่ตลอดช่วงไฮซีซั่น ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงก็คาดว่าน่าจะมีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวหลักสิบล้านบาทขึ้นอย่างแน่นอน

>ชมภาพบรรยากาศเพิ่มเติม<<

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น ที่อำเภอวังน้ำเขียว

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น  ที่อำเภอวังน้ำเขียว  จังหวัดนครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  ได้พบว่ามีรีสอร์ทที่ อำเภอวังน้ำเขียวจังหวัดนครราชสีมา ได้ปลูกและเพาะพันธุ์ผักหวานป่าจำนวนกว่า 2-3 พันต้น โดยไดพบกับ  นายวรโชติ  สุรจันทร์  หรือเฮียตี๋  เจ้าของไร่ จวนทองผักหวานป่า  อยู่ที่บ้านพุทธชาด  เลขที่ 209 หมู่ 8 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ทางขึ้นเขาสลักได ที่ให้บริการบ้านพัก  กางเต้น และงานสัมมนาต่าง ๆ  ซึ่งสถานที่แห่งนี้ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 440 เมตร   โดยนายสรโชติ  สุรจันทร์   หรือเฮียตี๋  ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่ารีสอร์ทไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้มีเนื้อที่ 13 ไร่กว่าและได้ปลูกต้นผักหวานป่าไว้ 2-3 พันต้น  สาเหตุที่ปลูกผักหวานป่าเนื่องจากว่าเป็นพืชที่ปลูกยากมากและเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง  หากปลูกพืช ที่ปลูกยากจะเป็นอย่างไร

นายวรโชติ สุระจันทร์กุล หรือเฮียตี๋ยังได้กล่าวต่ออีกว่าผักหวานป่า ที่ปลูกนี้ ส่วนหนึ่งก็จะนำไปขายและอีกส่วนหนึ่งก็จะนำมาประกอบอาหารให้กับลูกค้าได้รับประทานและนอกจากผักหวานป่าแล้วทางไร่ยังได้ปลูกต้นไม้ใหญ่ผลไม้ต่างๆไว้เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างความเป็นธรรมชาติให้กับรีสอร์ทและในช่วงฤดูแห่งการท่องเที่ยวนี้   ทางด้านนายวรโชติ  สุรจันทร์  ก็ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้ด้วย

ทางด้านของเชฟ  เอกกฤต วงษ์วัน หรือเชฟโจ   ประธานที่ปรึกษาเชฟเขาใหญ่   นครราชสีมา   ได้กล่าวว่า ตนเองได้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้และได้สังเกตเห็นว่ามีต้นผักหวานป่าเป็นจำนวนมาก   จึงได้มีการพูดคุยกับทางด้านเจ้าของรีสอร์ท  และได้แนะนำเมนูที่ทำจากผักหวานป่า  ที่มีอยู่ภายในไร่จวนทองผักหวานแห่งนี้   โดยเชฟโจ  ได้อธิบายถึงสรรพคุณของผักหวานป่าว่า  เป็นผักที่ชอบน้ำเล็กน้อยชอบอากาศเย็นโดยส่วนใหญ่จะมีที่อำเภอวังน้ำเขียวที่เดียวเท่านั้นรวมถึงรสชาติที่กรอบมันหักแกงแบบโบราณเช่นแกงกะทิหัวปลีใส่ผักหวานป่าก็จะมีรสชาติที่กลมกล่อมหรือจะทำเมนูต้มซุปในสไตล์ญี่ปุ่นก็ได้

ซึ่งผักหวานป่าที่ไร่จวนทองมีลักษณะพิเศษคือกรอบใบใหญ่มีรสชาติที่อร่อยมากๆต่างจากผักหวาน บ้านอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้  เชฟโจ  ยังได้กล่าวอีกว่าผักหวานป่าเป็นผักที่หายากมากและจะหาคนที่ปลูกอย่างจริงจังก็ยากเช่นกันและเป็นที่โชคดีของตนที่ได้มาเที่ยวพักผ่อน  ณ  ที่แห่งนี้และได้เจอกับผู้ที่ปลูกผักหวานป่าไร่จวนทองแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์

 สาวเชียงใหม่บุกถิ่นเมืองย่าโมสร้างสวนสตอเบอรี่เป็นจุดเชคอินให้เข้าชมเชลฟี่ฟรีหารายได้จากขายของฝากทำเงินช่วงไฮท์ซีซั่น

สาวเชียงใหม่บุกถิ่นเมืองย่าโมสร้างสวนสตอเบอรี่เป็นจุดเชคอินให้เข้าชมเชลฟี่ฟรีหารายได้จากขายของฝากทำเงินช่วงไฮท์ซีซั่น ส่งเสริมการขายด้วยวิธีการทันสมัยให้ลูกค้าเชคอินโพสภาพแถมต้นสตอเบอรี่กลับบ้านฟรี

ที่ อ.วังน้ำเขียว  จ.นครราชสีมา เมื่อเข้าฤดูหนาว พบว่ามีหลายจุดทำการจัดสร้างสวนดอกไม้ต่าง ๆ เตรียมนักท่องเที่ยว รวมทั้งสวนสตอเบอรี่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวถือเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมอีกอย่างที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาสร้างชื่อให้ อ.วังน้ำเขียว เนื่องจากเจ้าของสวนส่วนใหญ่เป็นชาวเชียงใหม่

สวนสตอเบอรี่ อิชิโกะ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ตั้งอยู่เขตพื้นที่ หมู่ 3 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่ติดถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งจุดเชคอินที่ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายภาพรวมทั้งทำกิจกรรมเก็บลูกสตอเบอรี่เป็นของฝากซึ่งในช่วงนี้ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวพบว่ามีนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางแวะเที่ยวชมเก็บภาพเป็นที่ระลึกร่วมทั้งซื้อสตอเบอรี่กลับเป็นของฝากกันไม่ชาดสาย

จากการสอบถาม นางจันทิมา ธรรมชาติอุดม อายุ 27 ปี ชาวตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของสวนสตอเบอรี่ อิชิโกะ บอกว่า สตอเบอรี่ ถือเป็นผลิตผลที่ขึ้นชื่อของเชียงใหม่ ต่อมาได้มีการนำออกไปเผยแพร่ยังพื้นที่อื่นโดยเฉาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม รวมทั้งวังน้ำเขียว ก็เป็นจุดหนึ่งที่มีชาวเชียงใหม่ที่มีความรู้ในการปลูกสตอเบอรี่มาตั้งหลักปักฐานทำสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีมีรายได้จากการขายสตอเบอรี่จากสวนและของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสตอเบอรี่จากเชียงใหม่ จำบวก น้ำสตอเบอรี่ ไวน์สตอเบอรี่ และสินค้าอื่น ๆ

วิธีการทำสวนสตอเบอรี่ ตนจะทำการต้นกล้าที่เชียงใหม่กล้าไว้ตั้งแต่ช่วยเดือนเมษายนจนถึงสิหาคมจะขนย้ายมาลงปลูกในกระถางที่วังน้ำเขียวช่วงเดือนกันยายน เพื่อให้ออกผลทันช่วงหน้าหนาว โดยลงทุนทั้งหมดทั้งเช่าที่ ที่จัดสวน ตกแต่งสวน รวมทั้งซื้อของที่เป็นของฝากไว้จำหน่ายต้องลงทุนไป 4-5 แสนบาท หากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือยังมีนักท่องเที่ยวมามากเหมือนทุกปีจะมีกำไรจากการทำสวนสตอเบอรี่เกือบเท่าตัว โดยในช่วงนี้ก็เริ่มมีผลออกและสามารถเปิดให้เข้าเที่ยวชมฟรีได้แล้ว

โดยส่วนใหญ่จะให้เข้าถ่ายภาพฟรี และสามารถเก็บสตอเบอรี่สด ๆ จากต้นมาซื้อเป็นขอบฝากกลับบ้านได้ขีดล่ะ 60 บาท โดยในช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ มาเที่ยวที่สวนนี้เชคอินและโพสต์ในเฟสฯ จะมีต้นกล้าสตอเบอรี่ขนาดเล็กเป็นของฝากให้ฟรี ๆ ด้วย 1 ต้น

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ สร้างรายได้ปีละ 200,000 บาท

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ ได้ดีไม่ต้องไปไกลถึงเชียงราย ให้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1 พันบาท สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย อาทิ อบเกลือ เคลือบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ หรือทานสดก็ได้ สร้างรายได้ปีละ 2แสนบาท

 

            นายวิรัตน์ เขียนดวงจันทร์ ผู้จัดการบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่บ้านไร่ปลายตะวันเป็นสถานที่ปลูกพืชหลายประเภททั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงต้นไม้ต่างๆ โดยเมื่อ 3ปีก่อนได้นำพันธุ์ของแมคาเดเมียมาทดลองปลูก เพราะเห็นว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีอากาศเย็นตลอดปี จึงได้นำมาทดลองปลูกจำนวน 50 ต้น ปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ให้ผลผลิตที่ดีและยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ไร่ของเราได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการเพาะปลูกและดำเนินการต่างๆ  โดยเพื่ออยากให้คนโคราชได้มีแมคาเดเมียทานกันโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อถึงจังหวัดเชียงรายภาคเหนือและมีราคาที่ถูกกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีแมคาเดเมียและสามารถปลูกให้ผลผลิตได้

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะแรกในการปลูกใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี คือค่อนข้างใช้เวลาแต่คุ้มค่า เนื่องจากแมคาเดเมียมีราคาสูงในท้องตลาดเป็นที่นิยมบริโภคเพราะมีสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประโยชน์ของแมคคาเดเมียคือ 1.ช่วยลดภาวะของโรคหัวใจทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น 2.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ช่วยลดน้ำหนัก 4.ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย 5. ช่วยบำรุงสมอง โดยต้นแมคาเดเมียอายุ 4 -5 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม อายุ  แต่ถ้าเป็นอายุ 6 – 8ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ผลผลิตสูงถึงต้นละ 15-20 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยราคาขายในตลาดอยู่ที่ขีดละประมาณ 100 บาท หรือ กิโลกรัมละ 1 พันบาท แต่ถ้าขายในเขตโคราช เราก็จะกำหนดราคาถูกกว่านี้ เพื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสมก็คงประมาณ 60-70 บาท ซึ่งปัจจุบันทางบ้านไร่ปลายตะวันก็ทำมา 5 ปีแล้ว จำนวน 50 ต้น สร้างรายได้กว่า 2 แสนบาทต่อปี ผลของแมคาเดเมียสามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง อาทิ ไอศกรีม อบเกลือ อบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ และกินสดได้ นอกจากนั้น เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยากจะปลูกยินดีให้ความรู้ในการปลูก ซึ่ง ณ เวลานี้ทางเรากำลังขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเอาพันธุ์ของต้นแมคาเดเมียจำนวนอีก 300 ต้นมาลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถมาดูได้ที่แปลงปลูกและยินดีถ่ายทอดความรู้ในการปลูก โดยให้มาที่  ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 085- 1847261 นอกจากนี้ทางบ้านไร่ปลายตะวันยังมีแปลงปลูกเมลอนแบบปลูกในน้ำและผักปลอดและพืชต่างๆอีกหลากหลายโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย