#ชน3คันรวด #แหกระจาย (วันที่ 30 สิงหาคม 2564)

เวลา 06.30 น.เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะและรถเก๋ง ที่หน้าปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกคอนอินทร์
ตำบลมะเริง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทั้ง 2 รายมีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี
กู้ภัยฮุก31 นำผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1 คนขับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ100สีดำ-เทา กลน 404 จันทบุรี ทำให้แหที่เก็บไว้ใต้เบาะกระจายออกมา ส่งโรงพยาบาลมหาราช และรายที่2 คนขับรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 8977 นครราชสีมาส่งโรงพยาบาลป.แพทย์ 2
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1ชื่อนายลิขิต เข็มสุวรรณ์ อายุ 44 ปีที่อยู่ 13/1 หมู่ 2 ตำบลมะเริง
อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่2ชื่อนายวทัญญู รัตนา อายุ 29 ปี ที่อยู่ 679 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนรถคันที่3 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส สีขาว 6ภค916 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

Cr.แจ้งข่าวสารโคราชบ้านเอง

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร​ เมื่อเวลา​ ๐๑.๑๒​ น.​ ตรงกับวัน​ศุกร์​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖๔​ สิริอายุ​ ๗๓​ ปี​ ๗​ เดือน​ ๒ วัน​ ๕๔​ พรรษา​

ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่ไม_อินฺทสิริ

วัดป่าเขาภูหลวง ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา​

ชีวิตครอบครัววัยเด็ก

หลวง​ปู่​ไม​ อินทสิริ​ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์​ที่​ ๒๕​ มกราคม​ ๒๔๙๑​ ตรงกับวันพระขึ้น​ ๑๕​ ค่ำ​ เดือน​ ๒​ ปีชวด​ เกิดในสกุล​ “จันทร์​เหล็ก” บิดาชื่อ​ “นายด้วง” มารดาชื่อ​”นางจันทร์ศรี” เกิด​บ้านเลขที่​ ๒๐​ หมู่​ ๗​ ตำบลคอนสาย​ อำเภอกู่แก้ว​ จังหวัด​อุดรธานี

ท่านเป็นคนที่มีนิสัย รักพ่อรักแม่ รักญาติพี่น้อง เคารพนับถือญาติทุกคน ดี ไม่ดี ก็เคารพ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ถึงแม้บางครั้งจะน้อยใจอยู่บ้าง ท่านอยากบวชตั้งแต่เรียนอยู่ประถมปีที่ ๔ ขอพ่อ พ่อก็ไม่ให้ พ่อขอให้ช่วยงานบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง เพราะน้องยังเล็ก ต้องอาศัยท่านช่วยงานบ้าน ตักน้ำ ตำข้าว ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ชาย ๖ คน หญิง ๑ คน คุณพ่อขอให้น้อง ๆ โตก่อนค่อยบวช

ตอนอายุประมาณ ๑๐ – ๑๑ ปี ไปอยู่หนองบัวลำภู เช้าท่านจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ” ใต้ต้นค้อ” ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย แต่ไม่ได้ภาวนา ท่านมักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาท และเห็นสักกเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านท่องจำได้ จนอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี ก็ยังเห็นท่านอยู่ ท่านจะสอนธรรมะ คาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพัน คาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาท่านสักกเทวราชจะกลับ ท่านจะสั่งว่า เวลามีเรื่องอะไร ให้นึกถึงพ่อ ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ ท่านจะลงมาช่วย พระอาจารย์ท่านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคุณพ่อ คุณพ่อท่านให้เขียนคาถาเอาไปท่อง เพราะเหตุนี้ เวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหาพระอาจารย์ไม ท่านเป่าให้ บอกหาย คนนั้นก็หาย

อายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยแม่ตำข้าว ตักน้ำ ทำอาหาร และรับจ้างทุกอย่าง จนเก็บเงินซื้อควายได้ ๒ ตัว ตอนอายุ ๑๓ ปี ( เปรียบเทียบกับคนอายุ ๖๐ บางคนยังซื้อควายไม่ได้เลย ) ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยว ดูหนัง ร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็นเพราะพ่อสอนให้ พ่อเคยเป็นหมอลำเรียกโจทย์แจ้ ตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ พ่อสอนเก่งมาก พ่อสอนให้รำ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์คำสอนในทางศาสนา

อายุ ๑๔ ปี คุณพ่อเสีย ก่อนเสียพ่อป่วยอยู่เป็นปี วันนั้นเฝ้าพ่ออยู่คนเดียวประมาณบ่าย ๓ โมง พ่อสั่งว่าอีก ๓ วันพ่อจะตายให้เลี้ยงน้องให้โตก่อน แล้วบวชให้พ่อด้วย มีคำหนึ่งที่พ่อสั่งไว้ว่า ถ้าพ่อตายแล้วแม่คิดจะมีสามีใหม่ อย่าไปห้ามแม่นะ แต่อย่าให้สามีใหม่มารังแกน้อง อยู่มาอีกปีเศษ มีคนมาชอบแม่ ขอแต่งงาน แม่ถามว่าจะให้แม่แต่งงานหรือไม่ ก็ถามแม่ว่าจะแต่งทำไม แม่ว่าจะได้มาเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้าน พ่อเลี้ยงเป็นนักเลง เล่นการพนัน ชอบขโมยของมาเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง น้องชายคนติดกัน กลับมาจากโรงเรียน แม่บอกให้ไปไล่ควายจากทุ่งนากลับเข้าบ้าน แต่น้องชายไม่รีบไป แม่ก็บ่น พ่อเลี้ยงเสริมว่า ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ จะฆ่ามันตาย จับไม้ค้อนขว้างถูกใส่ส้นเท้าเป็นแผล น้องชายร้องไห้ ตอนนั้นพระอาจารย์ไมอายุ ๑๕ ปี เห็นพ่อเลี้ยงทำอย่างนั้นเสียใจมาก กลางคืนท่านฝนมีดยาว ๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๓ วัน ๓ คืน คิดจะฆ่าพ่อเลี้ยง จะแทงตอนเขานอน แต่ก็คิดอีกว่า ฆ่าเขาแล้ว จะหนีอย่างไร เพราะตอนนั้นย้ายบ้านไปอยู่หนองบัวลำภู บ้านไกลจากบ้านเก่าที่ จ.อุดร ก็กลัวจะมีโทษ กลัวโดนจับ กลัวไม่ได้ดูน้อง ผ่านไป ๒ – ๓ วัน จนยับยั้งสติอารมณ์ไว้ได้ เป็นจิตที่รักน้องมากที่สุด ไม่อยากให้ใครมารังแก

ต่อมา ญาติพี่น้องทางบ้านเก่าที่อุดรพากันไปรับมาที่บ้านเกิด บ้านเก่า ซื้อไร่ ซื้อนาใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามมาอีก ก็ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม ช่วงนั้นเดือนมีนาคม ชาวอีสานแต่ละบ้านจะจัดงาน มีงาบุญ มีเทศน์ผะเหวต กลางคืนมีมหรสพ หมอลำ ตอนเช้าตื่นสาย แม่ปลุกว่าไม่ไปไร่หรือ เพราะปกติต้องไปขุดไร่ ไถไร่ พวกเราตื่นสายประมาณโมงเศษ ๆ พอแม่บ่น พ่อเลี้ยงก็บ่น ทั้ง ๆ ที่พ่อเลี้ยงไม่เคยช่วยงานอะไรเลย พี่ชายคนที่ติดกัน ดึงปืน พระอาจารย์ก็ชักมีด พี่ชายคนโตก็มาห้าม พ่อเลี้ยงก็หนีไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่กลับมาอีก ชีวิตคนมีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็แบบนี้แหละ

อายุ ๑๗ ปี ไปช่วยงานญาติพี่น้อง ลุง น้า บ้าง ปลูกอ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง ปลูกผักขาย ส่วนมากเป็นน้าของแม่ ซึ่งท่านเรียกพ่อใหญ่ เพราะเขามีลูกเล็กช่วยงานยังไม่ได้

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อยู่มาอายุ ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี ลุงอยากให้มาบวช เพราะที่วัดไม่มีพระเณรมาบวช อีกอย่างเห็นสาวๆ มาคุยเล่นด้วย แต่พระอาจารย์มีจิตใจไม่คิดจะมีลูกเมีย ท่านชอบพูดเล่นกับผู้หญิงสาวๆ ไม่คิดจะแต่งงาน แต่นิสัยจะรังเกียจผู้หญิงที่มาพูดให้ทางผู้ชาย แต่มีความคิดในใจว่า จะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มีความรักจริงซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ต่อเรา เราจะไม่ยุ่งเด็ดขาด ผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับพระอาจารย์ ถ้าไม่ได้แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น ท่านมีความคิดเช่นนี้ ก็เลยมีความมั่นใจตนเองว่า จะไม่ล่วงเกินผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น

แต่ลุงไม่เชื่อว่า จะมีคนคิดแบบพระอาจารย์ ลุงขอร้องให้บวช กลัวจะมีเมียก่อน ลุงเคี่ยวเข็ญทุกวัน สุดท้ายจึงตกลงใจบวช ตกลงไปเข้านาค ก่อนเข้านาคสัญญากับลุงว่า ถ้าหลานไปบวชออกพรรษาเมื่อไร ก็สึกเมื่อนั้น อย่าห้าม ก็เลยไปเข้านาค ๑ เดือน บรรพชาเป็นสามเณรไม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ที่วัดศิริวัฒนา จ.อุดรธานี บวชเป็นเณรอยู่ ๒ พรรษา ( ๑ ปี ๘ เดือน ๑๙ วัน)

ระยะเวลาเป็นเณร อยู่อุปัฎฐากครูบาอาจารย์ อาหารไม่ค่อยมี ไปตัดยอดหวาย หน่อไม้ ตอนเช้าไปทำอาหาร เช่น แกงขี้เหล็ก เลี้ยงถวายครูบาอาจารย์ ถ้าพระ เณรไม่มา พระอาจารย์ตอนเป็นเณร กิจวัตรประจำวัน ตักน้ำจากบ่อเป็นน้ำสรงครูบาอาจารย์ ทุ่มหนึ่งทำวัตรเย็น ๒ ทุ่ม เดินจงกรม ๒ ทุ่มครึ่งนั่งสมาธิ ท่านมีความตั้งใจปฎิบัติ เข้มงวดกวดขัน

สัจจธรรม

ท่านพระอาจารย์ปฎิบัติธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๘ ปี จิตของท่านจะน้อมถึงอดีต ท่านคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเสียเวลาไปมาก สร้างบาปมาเยอะตั้ง ๑๘ ปี กลัวจะกลับไปเป็น ฆราวาสทำบาปอีก ท่านเคยตั้งสัจจะไว้หลายภพ หลายชาติ เริ่มตั้งสัจจะตั้งแต่เป็นหนุ่ม คนธรรมดาจะคิดเรื่องมีครอบครัวว่าถ้าบวชสึกออกมาอายุ ๒๐ ปี จะต้องมีครอบครัว หาเงินหาทองไว้ก่อนเพื่อให้มีอยู่มีกิน จะแต่งงานกับผู้หญิงมีความบริสุทธิ์ ถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ จะไม่แตะต้องคนนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ขอแต่งงานก่อน เราจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเลย คิดอยู่เช่นนี้ ปีหนึ่งผ่านไป ผู้หญิงก็หนีไปแต่งงานหมด ไม่มีคนบริสุทธิ์เลย ท่านเลยผ่านพ้นมาได้ ไม่หลงในภพในชาติมากเหมือนคนอื่น

ตอนที่ปฏิบัติใหม่ ๆ เราเพิ่งจะฝึกปฏิบัติธรรม ตอนเดินจงกรมไม่เท่าไหร่​ แต่พอไปนั่งสมาธิ มันเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ทันทีเลย พอนั่งไป ๒๐-๓๐ นาที นี่มันรู้เลย ทุกข์มันเกิดขึ้น เหน็บมันไม่รู้มาจากที่ไหน พอเรานั่งไปถึง ๒๐-๓๐ นาที มันจะขึ้นเลย ขึ้นที่เท้าเราเสียก่อน แล้วขึ้นมาตามขา จนขึ้นตามสันหลัง ขึ้นไปบนศีรษะ​ ทำให้จิตใจท้อแท้ไปหลายครั้งหลายหน

นี่สู้ด้วยตนเองมา ตอนบวชเข้ามาใหม่​ๆ ยังไม่รู้เดียงสาอะไร การศึกษาก็ยังไม่มี เพราะว่าเราเพิ่งบวชใหม่ โอกาสที่จะได้ไปศึกษาธรรมะก็ยังไม่มี แต่วันไหนว่างๆ ก็พอได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่ง แต่ทำอย่างอื่นนั้นยังไม่รู้ แต่ครูบาอาจารย์สอนให้เรานั่งสมาธิ นั่งสมาธินั่งแบบไหน เดินจงกรมเดินแบบไหน ท่านบอกเรา เวลาเดินก็กำหนดเอาต้นไม้ที่ห่างจากกัน ๒๐-๓๐ เมตร แล้วเดินจากต้นไม้ต้นนั้น ไปต้นไม้ต้นนั้น มีจุดหมายปลายทางเดินแล้วก็มานั่ง ตอนนั่งมันจะเป็นทุกข์ได้ง่ายกว่าเดิน

เพราะอิริยาบถนั่งจะเป็นการนั่งอยู่ท่าเดียว ถ้าเรายังไม่เกิดความเคยชิน เราจะนั่งไม่ได้นาน อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มปฏิบัติธรรม มองทางสุขไม่มีเลย มีแต่ทุกข์อย่างเดียว การปฏิบัติธรรมอันดับแรกมองเห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว ไม่มีสุขเพราะมันเจ็บปวด มันทรมาน ทั้งที่เราอยากรู้อยากเห็นอยากได้ธรรมะ อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนก็ดลบันดาลอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของเราท้อถอยอยู่ตลอดเวลา

นั่งแต่ละวันได้ ๒๐-๓๐ นาที ก็ลุกขึ้นแล้ว
ไปเดินแล้วเปลี่ยนอิริยาบถใหม่แล้ว เดินไปเป็นชั่วโมง มานั่งอีก ๒๐-๓๐ นาทีก็ไปอีกแล้ว พยายามอยู่อย่างนี้ก็แพ้อยู่อย่างนี้ ทำเป็นเดือนก็อยู่อย่างนี้ ทีนี้ทำยังไงถึงได้ตัดสินใจ การตัดสินใจคือตัดสินใจด้วยการได้ยินได้ฟัง จากครูบาอาจารย์ท่าอบรมสั่งสอนเรา ครูบาอาจารย์ท่านแสดงอภินิหารให้เราเห็น แสดงอภินิหารแบบไหน ท่านมีความรู้พิเศษ ท่านสอนเราให้ปฏิบัติแล้วเราทำไม่ได้ ท่านค่อยมาเตือนเราทีหลังพอเราเจอทุกข์ ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จูงใจ ให้เราปฏิบัติกล้าตัดสินใจต่อสู้ จริงๆ จังๆ แล้วนั่น คือ

พระอาจารย์ของเราท่านบอกว่า วันนี้ มีพระท่านกำลังเดินทางมา ระยะทางนั่น ๗-๘ กิโลเมตรจากวัดเราไปหาวัดท่าน

ฉันเช้าเสร็จท่านบอกว่า ไปล้างบาตรแล้วเอาบาตรเราไปส่งกุฏิ อย่าเพิ่งไปนะ ท่านพูดอย่างนี้ ทีนี้อาตมาก็เลยเอาบาตรล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยก็เอาบาตรไปไว้ที่กุฏิ
ก็นั่งคอยท่านอยู่ ซักพักท่านก็ขึ้นกุฏิไป

พอท่านขึ้นกุฏิไป ท่านบอกว่า ตอนนี้มีพระท่านกำลังเดินทางมา พระองค์นั้นชื่อ อาจารย์บุญเกิด ท่านอยู่วัดป่าศรีคุณาราม บ้านจีบ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ส่วนอาตมาอยู่วัดป่าศิริวัฒนา บ้านโนนถั่วดิน

ท่านอาจารย์องค์ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ชื่อพระอาจารย์ศรี อุจโย ท่านบอกว่าพระอาจารย์บุญเกิดกำลังเดินทางมา ท่านจะไปบ้านเลาใหญ่ ไปขอไม้ไผ่กับท่านอาจารย์สาลี วัดป่ามัจฉิมวงศ์ ที่อ.กุมภวาปี มาทำซี่กลด เพราะว่าไม้ไผ่ในสมัยนั้น วัดป่ามัจฉิมวงศ์เป็นวัดเก่าแก่
ไม้มันแก่ดี เอามาทำซี่กลดได้มอดมันไม่กิน แต่ส่วนวัดพวกเราเป็นวัดใหม่ ไม้ไผ่ยังไม่มี

ท่านก็เลยบอกว่าท่านกำลังเดินทางมา มีพระองค์หนึ่งใส่แว่นตาดำเดินตามหลังมา มีเด็กวัด ตัวเล็กๆ สะพายย่ามเดินอยู่กลาง ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกให้เอาเสื่อมาปู เอากา

#ไม่สน พรก.ฉุกเฉิน จนท.ปกครองโคราช บุกจับวัยรุ่นรวมกลุ่มตั้งวงเหล้า

เมื่อเวลา 22.30 น คืนวันที่ 21 สค.64 ที่ผ่านมา นายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองนครราชสีมา และกำลัง เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมือง เดินทางไปตรวจสอบที่หมู่บ้าน เทคโนวิลเลจ ซอย 30 กันยา อ.เมือง หลังได้รับแจ้งว่า มีผู้กระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะจับกลุ่มมั่วสุม มีการรวมกลุ่ม ดื่มสุรา และส่งเสียงดังยามวิกาล ภายในหมู่บ้านดังกล่าว จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เจ้าไปตรวจสอบ พบมีกลุ่มวัยรุ่น ชายและหญิง กลุ่มใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา จำนวน 23 คน กำลังนั่งล้อมวงดื่มสุรา เปิดเพลง พูดคุยกัน ส่งเสียงดัง ไม่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย และไม่มีการรักษาระยะห่างเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-10 จึงได้สั่งให้หยุดกิจกรรมทั้งหมด พร้อมสอบสวนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวด้านนายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าบริเวณบ้านหลังดังกล่าว มักจะมีกลุ่มวัยรุ่น เข้ามาจับกลุ่มล้อมดื่มสุรากันเป็นประจำถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีคำสั่งห้าม ก็ตาม จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดและได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ที่ 7368/2564 เรื่องมาตรการ ในการเฝ้าระวัง ฯ ห้ามมิให้มีการมั่วสุม ในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น การตั้งวงสังสรรค์ ดื่มสุรา ประกอบมาตรา 34(6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดย จากการสอบสวนผู้กระทำความผิด ทั้ง 23 ราย รับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง และจากการตรวจหาสารเสพติดกลุ่มมวัยรุ่นทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สถานพินิจฯ โคราช จัดแข่งขันกีฬาภายใน เพื่อบำบัด แก้ไข ฟื้นฟูปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กและเยาชน

19 มิถุนายน  2563  สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ได้มีโครงการจัดการแข่งขันกีฬากรีฑาภายในประจำปี  2563 

โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชาต  ติยวัฒน์  ประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา  เป็นประธานเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรม ร่วมให้กำลังใจในการแข่งขันกีฬาภายใน และได้รับการต้อนรับจาก นายคมกฤษณ์  แสงจันทร์  ผู้อำนายการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา  และ ดร.รัตนะ  วรบัญฑิต  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา

 สำหรับการแข่งขันกีฬาภายในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นการพัฒนาทักษะชีวิต โดยนำเอากีฬามาเป็นสื่อกลาง  สร้างความรัก ความสามัคคี สร้างความสนุกสนาน และรู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 

สถานพินิจโคราช “สุดเจ๋ง” ติดตั้งเครื่องพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิค-19

สถานพินิจโคราช “สุดเจ๋ง” สร้างห้องพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิค-19


สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดนครราชสีมาผุดไอเดียสร้างตู้พ่นฆ่าเชื้อโควิค-19 ให้กับบุคลากร-ญาติผู้ต้องขังเยาวชนที่มาใช้บริการวันละหลายร้อยคนได้ปลอดภัยกับการแพร่กระจายโควิค-19


นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานพินิจโคราชมีเด็กเยาวชนที่อยู่ในการดูแลทั้งชาย-หญิง อยู่ 160 คน แต่ละวันจะมีผู้ปกครองเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่หลายราย ทางสถานพินิจโคราชจึงได้สร้างห้องพ่นฆ่าเชื้อโควิค-19 เพื่อมาช่วยสร้างความมั่นใจนอกจากการล้างมือและการวัดไข้ ซึ่งห้องพ่นไอหมอกตัวนี้จะมี ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์ LP (3%) ช่วยฆ่าเชื้อที่อยู่ตามร่างกายโดยบริเวณเสื้อผ้า และไม่มีปัญหากับและระบบภายในของร่างกาย สร้างความมั่นใจให้กับหน่วยงานและองค์กรตลอดจนประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการ

โดยเครื่องพ่นไอหมอกฆ่าเชื้อโควิค-19 ตัวนี้มีราคาอยู่ที่ 5,000 บาท ออกแบบโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ใช้เวลาสร้างเพียง 4 วัน โดยมีนายธิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้จัดหางบประมาณจัดทำและประสานงานออกแบบสร้าง

 

ดูภาพเพิ่มเติม

สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นครราชสีมา  ปรับเปลี่ยนวิธีการรายงานตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส โควิด 19

สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นครราชสีมา  ปรับเปลี่ยนวิธีการรายงานตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส โควิด 19

  

เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่พบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID – 19) มีแนวโน้มแพร่ระบาดมากขึ้นสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวจึงขอแจ้งให้เด็ก/เยาวชน และผู้ปกครอง ที่ต้องมารายงานตัวตามมาตรา 86 เป็นการรายงานตัว “ผ่านวีดิโอคอลทางแอปพิเคชั่นไลน์หรือโทรศัพท์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในวันที่รายงานตัว”  หากมีการเปลี่ยนแปลงทางสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา จะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

ทั้งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายประสานกิจกรรมชุมชน นางสาวศศิธร ชัยภูมิ 044-222435 ต่อ 32   โดยที่ผ่านมา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา  นำโดย นายคมกฤษณ์  แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยกลุ่มงานประสานกิจกรรมชุมชน ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการรับรายงานตัวเด็กและเยาวชน ผ่านทางแอปพิเคชั่น LINE VDO CALL หรือโทรศัพท์ เพื่อเป็นการลดปัญหาความเสี่ยงที่จะมีผลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19) สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

ดูแลกันได้แม้ห่างไกลกัน Stay  at  home ดูแลตัวเอง ดูแลสังคม เพื่อป้องกัน Virus  COVID-19

สถานพินิจโคราช จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 63 เพื่อให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน

สถานพินิจโคราช จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 63 เพื่อให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน

             นายอภิชาติ   ติยวัฒน์   ประธานคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563  พร้อมด้วย  นายธิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์   นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา   และคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา  โดยมีนายคมกฤษณ์  แสงจันทร์  ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาได้กล่าวรายงานต่อท่านประธาน

เด็กถือว่าเป็นทรัพยากรบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเป็นวัยที่มีการพัฒนาการเรียนรู้ควบคู่กับการศึกษาหาความรู้ด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา  ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต  การพัฒนาทักษะในการใช้ชีวิตต่างๆ  ควรได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่  เพื่อนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง  ผู้อื่น  สังคมและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง  ไม่เป็นปัญหาให้กับสังคมในภายภาคหน้า  ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อเด็กและเยาวชนจึงได้กำหนดให้วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม  ของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติโดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมามีหน้าที่ บำบัด แก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดให้สามารถปรับตัวเป็นเด็กและเยาวชนที่ดีมีคุณภาพในการพัฒนาประเทศ  เพื่อการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลจึงได้ดำเนินการจัดโครงการวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนอบรมให้เด็กและเยาวชนให้ยึดมั่นในสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  รู้หน้าที่ของตนเองและอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี  มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเป็นการส่งเสริมความกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้องเหมาะสม  และเพื่อให้เยาวชนได้ผ่อนคลายความเครียดกับทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนตลอดจนเป็นกำลังใจให้เด็กและเยาวชนผู้ต้องหาว่าประพันธ์เพชรได้ปรับตัวเป็นคนดีต่อไป  โดยคำขวัญประจำวันเด็กจากนายกรัฐมนตรี  มีดังนี้ “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”

คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวจัดฟุตบอล สานสัมพันธ์พี่ช่วยน้อง ครั้งที่ 1 คืนเด็กดีสู่สังคม ประจำปี 2562

คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันจัดฟุตบอล สานสัมพันธ์พี่ช่วยน้อง ครั้งที่ 1 คืนเด็กดีสู่สังคม ประจำปี 2562


วันที่ 22 ตุลาคม 2562 เวลา 14.00 น. ที่ บริเวณ Mall Parc ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ รองประธาน กรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาและศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 พร้อมด้วยคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจฯ ร่วมกับ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา และสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดให้มีการแถลงข่าวโครงการ “ฟุตบอลสานสัมพันธ์พี่ช่วยน้อง”ครั้งที่ 1 คืนเด็กดีสู่สังคม ประจำปี 2562
โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการแถลงข่าวร่วมกับ นายบุญธรรม รอบคอบ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา , ดร. รัตนะ วรบัณฑิต ผู้อำนวยารศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ,นายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด,นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา /รองคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา , นายวรภพ จำนงจิตร และ ตุ๋ย ด๊ะดาด ตัวแทนศิลปิน  ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อมอบเป็นเงินสนับสนุนกองทุนฟื้นฟูดูแลเด็กและเยาวชน ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตั้งระบบประปาและเจาะน้ำบาดาล ทดแทนระบบเดิมที่ชำรุดภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นการเปิดบ้านให้กลุ่มองค์กรเข้ามามีส่วนร่วม และเยี่ยมชม พร้อมให้กำลังใจแก่เด็กและเยาวชนภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา และ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ โดยนำศิลปิน ดารา ร่วมกันแสดง และร้องเพลง รวมทั้งการร่วมกิจกรรมฟุตบอล และเพื่อกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนรับรู้ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านจิตใจและอารมณ์ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น


โดยมีรูปแบบการดำเนินการแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 รูปแบบ ในโครงการเดียวกันประกอบด้วย 1.การจัดการแข่งขันฟุตบอลการกุศล ภายใต้ชื่อ “โครงการฟุตบอลสานสัมพันธ์พี่ให้น้อง ครั้งที่ 1” โดยแบ่งเป็น 8 ทีม คัดเลือกผู้ชนะเลิศอันดับ 1,2,3,4 รับถ้วยรางวัลจากแม่ทัพภาคที่ 2 ถ้วยจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา โดยในวันปิดการแข่งขันจะมีฟุตบอลคู่พิเศษ ระหว่างทีมรวมดารา – ศิลปิน พบกับทีม VIP จังหวัดนครราชสีมา (ทีมดารา – ศิลปิน ประกอบด้วย ไผ่ พงศธร, เสถียร ทำมือ , แสน นากา ตุ๋ย ดะดาด , วงระเงียว , หน่อง บ้านนอกแบรนด์ เป็นต้น) 2. การจัดกิจกรรมมินิคอนเสิร์ต นำโดยศิลปินจิตอาสา ไผ่ พงศธร, เสถียร ทำมือ , แสน นากา ตุ๋ย ดะดาด , วงระเงียว , หน่อง บ้านนอกแบรนด์ เป็นต้น และ 3 การจำหน่ายเสื้อเพื่อสมทบทุนสำหรับพี่ที่ให้น้องนำไปต่อยอดด้านการฝึกอาชีพ โดยจำหน่าย ตัวละ 250 บาท สามารถซื้อได้ที่ สถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา โทร 044-222435-6 ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา โทร 044-222-321 และ จุดจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา
ทั้งนี้สถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาเป็นหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ให้การควบคุมดูแลบำบัด แก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชนและศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้มีเด็กและเยาวชนอยู่ในความดูแล รวมทั้งสองหน่วยงานประมาณ 580 คน ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้รับหน้าที่ให้ดูแลเด็กและเยาวชนให้เด็กได้มีคุณค่าทางสังคมโดยได้นำกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านกีฬาและการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เพื่อให้เด็กได้พัฒนา และเป็นคนดีคืนสู่สังคมตามโครงการของกรมคุ้มครองเด็กและเยาวชนและด้วยโครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วยการแข่งขันกีฬาฟุตบอลการกุศลเพื่อกระชับมิตรระหว่างองค์กรและหน่วยงาน โดยนำรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายมาช่วยเหลือต่อไป
และจะมีการแข่งขันในวันที่ 30 พ.ย.62 ที่สนามฟุตบอลเอกสีมา และวันที่3 ธ.ค.62 ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต3 จังหวัดนครราชสีมา

 

ติดอาวุธทางปัญญาเยาวชน…สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับสถานพินิจฯ จัดแนะนำความรู้กฎหมายชีวิตประจำวัน

ติดอาวุธทางปัญญาเยาวชน…สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับสถานพินิจฯ จัดแนะนำความรู้กฎหมายชีวิตประจำวัน

วันที่ 6 สิงหาคม 2562  สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันกับ สภาทนายความ จัดโครงการเสริมสร้างความรู้ทางกฎหมาย ครั้งที่  1 โดยคณะกรรมการสงกคราะห์สำหรับเด็กและเยาวชน  สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ได้้รับเกียรติจาก นายอภิชาติ   ติยวัฒน์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา  นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา  และนายจิรภัทร ธนกูลกิจ  ร่วมพิธีเปิด

 

โดยมีผู้เข้าร่วมในการให้ความรู้ประกอบด้วย   นายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานทนายความจังหวัดนครราชสีมา  นายณพจน์ เจริญผล กรรมการสงเคราะห์ฯ (วิทยากร เจ้าของโครงการฯ)

และ นางสาวหทัยรัตน์ เศวตนัย วิทยากร

คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ร่วมกันจัดอบรมคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชน

ที่โรงแรมสบายโฮเทล คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ร่วมกันจัดอบรมคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชน โดยมีนายสุวีร์ ตรียุทธนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน เนื่องด้วยระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชนสำหรับสถานพินิจ พ.ศ. 2554ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชนสำหรับสถานพินิจ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้อำนวยการสถานพินิจและช่วยเหลือกิจการสถานพินิจ เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความ ควบคุมดูแลของสถานพินิจ อันจะเป็นผลให้การดำเนินการของสถานพินิจ บรรลุตาม วัตถุประสงค์ เกิดผลดีแก่ระบบการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนโดยรวม และ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการสงเคราะห์ จึงจัดให้มีการอบรมครั้งนี้ขึ้น

 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนงาน ยุติธรรมและบทบาทหน้าที่ของกรรมการสงเคราะห์ในการดำเนินงานซึ่งจะเกิดประโยชน์ ต่อเด็กและเยาวชนการอบรมครั้งนี้ มีผู้ที่ผ่านการคัดสรรของคณะกรรมการสรรหากรรมการ สงเคราะห์ที่จะเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งจากรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมการอบรม รวมทั้งสิ้น ๖๕ ราย และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย การอบรม ประกอบด้วย การบรรยาย การประชุมและแบ่งกลุ่มระดมความคิด  ซึ่งการอบรม ครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการมารับรู้ปัญหาและมาร่วมกันคิดออกแบบการให้ ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดของจังหวัดนครราชสีมา ให้เหมาะสม กับสภาพปัญหาของเด็กและเยาวชนแต่ละราย กอรปกับเพื่อแก้ไขปัญหาเด็ก และเยาวชนอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้  คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ได้ร่วมกันเลือกประธานท่านใหม่  ตามวาระ โดยได้มีการเสนอชื่อผู้เข้ารับการเลือกตั้ง  ประกอบด้วย  1. นายอภิชาต  ติยวัฒน์  2. นายวรภพ  จำนงจิตร  3. นางสมใจ  อินทรทรัพย์  และนายธวัช  และจากการโหวตเสียงในที่ประชุม ปรากฏว่า เป็นเอกฉันท์ ให้  นายอภิชาต  ติยวัฒน์   ดำรงตำแหน่งประธาน สงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3