สื่อภาคอีสานเดินหน้าปั้น “นักข่าวมือถือ” รุ่นที่ 2 สร้าง Content ให้โดนใจ

สื่อภาคอีสานเดินหน้าปั้น “นักข่าวมือถือ” รุ่นที่ 2 สร้าง Content ให้โดนใจ

สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน เดินหน้าปั้นนักข่าวมือถือ รุ่นที่ 2 ต่อยอด “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ พัฒนา คุณภาพชีวิตสู่ไทยแลนด์ 4.0” เรียนรู้การทำ Content Marketing แบบ Storytelling และการเสวนาเรื่อง “สังคมสูงวัย” โดย รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน เปิดเผยว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสานครั้งที่ 2/2561 เรื่อง “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่ไทยแลนด์ 4.0” ระหว่างวันที่  23 – 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 ณ โรงแรมเพชรเกษม แกรนด์ ถนนจิตรบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีผู้ลงชื่อเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ 68 คน มาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน สระบุรี และสมุทรปราการ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยผ่านการอบรมในครั้งที่ 1 ที่ จ.นครราชสีมา มาแล้ว

ในการอบรมครั้งที่ 2 นี้ จะเป็นการต่อยอดความรู้เดิม และสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้ผู้เข้ารับการอบรม ในการใช้โทรศัพท์มือถือ เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพและตัดต่อ การทำ Mobile Journalism, และการลำดับภาพผ่าน Application KineMaster โดยทีมวิทยากรกระบวนการผลิตสื่อมืออาชีพ นายกุลพัฒน์ จันทร์ไกรลาศ (อาจารย์ต่อง)  ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อ, อาจารย์จำรัส จันทนาวิวัฒน์, อาจารย์สืบพงษ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (กลุ่มพลังแห่งต้นกล้า), คุณวิทยา จิรัฐติกาลสกุล (กลุ่มสื่อสุขสันต์) และคุณอุมาพร ตันติยาทร โปรดิวเซอร์ รายการสารคดีโทรทัศน์ บริษัท บุญมีฤทธิ์ จำกัด

การทำ Content Marketing แบบ Storytelling และการทำการตลาดในสื่อออนไลน์ โดย อ.จารุณี นวลบุญมา หัวหน้าสำนักประชาสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. บรรยายพิเศษ “ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป” โดย นายชาย ปถะคามินทร์ เลขาธิการ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และการเสวนา เรื่อง “สังคมสูงวัย” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และอาจารย์กรรณิการ์ บันเทิงจิตร

นอกจากนี้ในวันที่ 2 ของการอบรม ผู้อบรมทุกคนจะได้ลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติจริง เพื่อผลิตผลงานคลิปวิดีทัศน์ผ่าน Smartphone เป็นสารคดี, สารคดีเชิงข่าว หรือภาพยนตร์สั้น ความยาว 4 นาที ในประเด็นหัวข้อที่ใช้ฝึกปฏิบัติการทั้ง 4 หัวข้อ ได้แก่ ประเด็นรองรับผู้สูงวัย, ประเด็นกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบาง, ประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน และประเด็นปัญหาปัจจัยเสี่ยงในชุมชน

“การอบรมนักข่าวมือถือ มืออาชีพ เพราะเทคโนโลยีขณะนี้เข้ามามีบทบาทในการรายงานข่าวค่อนข้างมาก เมื่อมาอบรมแล้วเราจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานที่เราทำได้ เราไม่ได้แค่ทำหน้าที่รายงานข่าวที่เกิดขึ้นอย่างเดียว เรามีหน้าที่โดยตรง ในการนำเสนอข้อเท็จจริง นำความประจักษ์ให้เกิดขึ้นแก่สังคม ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างหลอมรวมกันแล้ว อย่าคิดว่าเราเป็นทีวี เป็นหนังสือพิมพ์ เป็นวิทยุ หรือเป็นออนไลน์ แต่คอนเทนท์ต้องเป็นคอนเทนท์ เพราะถ้าสื่อไม่ก้าวทันเทคโนโลยีแล้ว ก็จะไม่ทันต่อการตอบสนองของผู้บริโภค จึงต้องเสริมทักษะตรงนี้เพิ่มเติม ซึ่งความสำคัญที่สุดของคนทำสื่อคือ การบริการสาธารณะ เพื่อร่วมแก้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเอง” พ.ท.พิสิษฐ์ กล่าว

สุดทึ่ง!!!พบแกรนแคนยอนเมืองลับแลแห่งใหม่ที่โคราช ชาวบ้านเชื่อเมืองพญานาค สุดงดงามอลังการ 

สุดทึ่ง!!!พบแกรนแคนยอนเมืองลับแลแห่งใหม่ที่โคราช ชาวบ้านเชื่อเมืองพญานาค สุดงดงามอลังการ 

นายราเชนทร์ ประกอบกิจ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจะหลุง พร้อมด้วยนายเสือ รักษ์ป่า ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  ผู้นำชุมชนและสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ป่าหุบใหญ่ ซึ่งเป็นป่าชุมชนเชื่อมต่อระหว่างตำบลท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  หลังจากที่มีการสำรวจพบเส้นทางน้ำป่าไหลเซาะชั้นดินและชั้นหิน กัดกร่อนดินและหินกลายเป็นรูปร่างแปลกตามากมาย หรือที่เรียกว่าแกรนแคนยอน  จนกลายเป็นศิลปกรรมที่มีความสวยงามตระการตา รวมเนื้อที่กว่า 3 ไร่  ที่รังสรรค์ขึ้นมาจากธรรมชาติโดยมิได้มีการเติมแต่ง ประกอบกับมีเรื่องราวความเชื่อลี้ลับอีกมากมาย ที่สำคัญยังมีการสำรวจพบฟอสซิลไม้กลายเป็นหินที่คาดว่าอายุนับล้านปี กระจายอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากด้วย

นายเสือ รักษ์ป่า ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่ ซึ่งช่วยดูแลผืนป่าหุบใหญ่มายาวนาน กล่าวว่า ป่าหุบใหญ่นั้นมีเนื้อที่รวมกว่า 1,400 ไร่  ซึ่งบริเวณที่เกิดแกรนแคนยอน นั้น เป็นพื้นที่ระหว่างบ้านงิ้ว ต.ท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ บ้านโคกวังวน ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ เป็นแกรนแคนยอนที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปราสาทหินสมัยโบราณกระจายอยู่หลายจุด  ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า ปรางค์พระนารายณ์  อีกทั้งยังมีทางน้ำไหลที่เกิดจากการไหลของมวลน้ำป่าจำนวนมหาศาล กัดเซาะดินจนกลางเป็นร่องลึกกว่า 3 เมตร จนสามารถลงไปเดินและสัมผัสกับร่องรอยการกัดเซาะชั้นดินและหินได้อย่างใกล้ชิด  นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพบการถับถมของชั้นดินมานานนับล้านปีกระทั่งมีซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหินกระจายอยู่ทั่วบริเวณอีกด้วย  ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  ต้องนำเชือกมากั้นบริเวณและจัดเวรยามคอยดูแลตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปทำให้ซากฟอสซิลเหล่านั้นเสียหายหรือถูกขโมยไป

นอกจากความพิเศษของแกรนแคนยอนที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นแล้ว  ชาวบ้านบางคนก็เชื่อว่าจุดนี้เป็นแหล่งพำนักอาศัยของพญานาค เนื่องจากมีบ่อน้ำซับไหลขึ้นมาตลอดทั้งปี  บางคนก็เชื่อว่าเป็นเมืองลับแล เนื่องจากเคยมีผู้พบมีผู้คนอาศัยอยู่ ทั้งๆที่จุดดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย จึงเชื่อว่าจะทำให้พื้นที่จุดนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว

ล่าสุดทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ เตรียมที่จะร่วมมือกันหาทางพัฒนาสถานที่ดังกล่าว พร้อมออกสำรวจพื้นที่ป่าโดยรอบ เพราะคาดว่ายังมีจุดที่มีความสวยงามอีกหลายจุด เพื่อผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

โรงเรียนกีฬาโคราชจัดพิธีต้อนรับนักเรียนคนเก่ง อึ้ง ประวัติน้องเดียร์ เจ้าของเหรียญทองยูธโอลิมปิกเกมส์ เคยเกเรจนเกือบถูกไล่ออก ใช้คำดูถูกเป็นแรงผลักดันจนประสมความสำเร็จ

นายนพวัชญ์ โพธิ์งาม ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมด้วยบุคคลสำคัญใน จ.นครราชสีมา ร่วมพิธี จัดงานแสดงความยินดีและพิธีต้อนรับให้กับนักกีฬาเหรียญทองยูธโอลิมปิก เหรียญทองแชมป์โลกมวยไทย และแชมป์ประเทศไทย โดยมีการเคลื่อนขบวนแห่ออกจากเทศบาลนครนครราชสีมา ไปตามถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเพื่อไปยังหลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

นายนพวัชญ์ โพธิ์งาม ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ไปสร้างชื่อเสียให้กับประเทศและเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬารุ่นน้องอีกหลาย ๆ คนได้เอาเป็นแบบอย่าง โดยในช่วงที่ผ่านมามีนักเรียนในโรงเรียนกีฬาฯ สร้างเชื่อเสียงให้กับประเทศชาติหลายคนรวมทั้งวุฒิชัย มาสุข นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นที่มีชื่อซึ่งก็เป็นเด็กจากโรงเรียนกีฬาด้วย เมื่อมีเด็กนักเรียนไปสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดให้กับประเทศจึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเด็กนักเรียนรวมทั้งรุ่นน้องในโรงเรียน้ด้วย

โดยในครั้งนี้ มีนักเรียนที่น่าสนใจอยู่หนึ่งคนคือ นายอธิชัย หรือน้องเดียร์  เพิ่มทรัพย์ อายุ 17 ปี นักเรียน ชั้น ม.6 ซึ่งเป็นนักกีฬามวลสากลได้เหรียญทอง ยูธโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นนักเรียนที่เคยเกเรจนเกือบถูกให้ออกจากโรงเรียนแต่ได้รับโอกาสให้กับมาเรียนหนังสือและไปสร้างชื่อเสียให้กับโรงเรียนในครั้งนี้โดยคว้าเหรียญทองในรุ่น 60 กิโลกรัม ในรายการดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีนายวีระพล จงจอหอ ซึ่งสามารถคว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 75 กิโลกรัมในรายการเดียวกันด้วย และยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่ไปสร้างชื่อในรายการที่สำคัญจึงได้จัดพิธีต้อนรับมนคราวเดียวกันด้วย

สำหรับนายอธิชัย มีประวัติที่นาสนใจคือ ในบางช่วงที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ มีเกเรตามประสาวัยรุ่น ถึงขั้นครูมีรายงานมาจะให้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่ดี แต่ได้เรียกมาอบรมทำความเข้าใจจนมีพฤติกรรมดีขึ้นพัฒนาตัวเองหมั่นฝึกซ้อมจนสามารถไปคว้าเหรียญทอง กีฬามวยสากลรายการยูธโอลิมปิกเกมส์ดังกล่าว

ด้าน นายอธิชัย เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นคนเกเรหนึ่งในบางช่วงเกเรมากจนเกือบต้องถูกให้ออกจากโรงเรียน แต่ก็โชคดีที่ครูให้โอกาสกลับมาเรียนอีกครั้ง ตนจึงใช้แนวคิดที่ว่านำคำคนที่ดูถูกไว้ว่าจะทำไม้ได้มาเป็นพลังในการพัฒนาฝึกฝนตนเองและเป็นแรงผลักดันในการมุ่งมันฝึกซ้อมจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งตนจะยังคงตั้งใจมุ่งมันเพื่อพัฒนาตนเองให้ไปสู่เวทีโอลิมปิกให้ได้

 

สำหรับ นายอธิชัย เพิ่มทรัพย์ มีอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา อยู่บ้านเลขที่ 31 บ้านโคกรัก หมู่ 10 ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเดียวกับ สมจิตร จงจอหอ และเป็นเครือญาติกันด้วย โดยมุ่งมันให้ความสนใจด้านกีฬา เนื่องจากมีสมจิตร เป็นไอดอล จนได้เข้าเรียนในโรงเรียนกีฬา ถึงแม่จะมีเกเรไปบ้างแต่ก็กลับมาตั้งใจฝึกซ้อมจนพาตัวเองกลับเข้าสูเส้นทางของกีฬาได้ในที่สุด.

พบซากโครงกระดูกกระทิง อายุ 10 ปี กลางผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น -ทับลาน อ.ครบุรี โคราช

ชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติผืนป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-ทับลาน โดยนายวิจิตร  กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี นครราชสีมา พร้อมนายสมศักดิ์  กาญจนะคช หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 3 (คลองน้ำมัน) เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ชุดปฏิบัติการ รส.ป.3 พัน.3 , เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.ครบุรีฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ครบุรี ฯ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบและพิสูจน์ ซากสัตว์ป่า ตามที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง บริเวณป่าท้ายบ้านมาบกราด ตำบลโคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พิกัด UTM 48P 0201414 E, 1585615 N (WGS 84)

พบซากกระทิง เพศผู้ อายุ 10 ปี น้ำหนัก 600 กิโลกรัม นอนตายมานาน 3 เดือน ไม่พบร่องรอยบาดแผลเนื่องจากซากกระทิง มีสภาพเหลือแต่โครงกระดูก เนื้อหนังหรือชิ้นส่วนต่างๆ ถูกย่อยสลายไปหมดไม่สามารถตรวจหาร่องรอยสาเหตุการเสียชีวิตได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันขุดหลุมนำซากโครงกระดูกของกระทิง ฝังกลบในพื้นที่ตามความเหมาะสม พร้อมทำบันทึกการตรวจสอบพื้นที่ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.สุรชัย  จรัสรัมย์ รอง สว.(สอบสวน) เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

เชิญร่วมพิธีพุทธาภิเษกน้ำพุทธมนต์จันทร์เพ็ญ วัตถุมงคล รุ่น “หนุนดวงเรียกทรัพย์” และร่วมลอยกระทง ประจำปี 2561

น้ำพุทธมนต์จันทร์เพ็ญ หรือ น้ำมนต์กลางหาว  คนไทยแต่โบราณเชื่อเรื่องพลังลี้ลับ ที่เกิดจากดวงอาทิตย์ และ ดวงจันทร์ สามารถใช้วันเพ็ญเดือน ๑๒

จะมีศิริมงคลมาก ยิ่งอาบน้ำมนต์ เดือนเพ็ญทำในวันเพ็ญปีนี้ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑นี้ 

จากตำนานเราผูกพันด้วยพลังจักรวาลโลก ที่เราอาศัยยาวนาน ด้วยความที่ดวงจันทร์ ดาวที่อยู่ใกล้โลกที่สุด พลังและแรงดึงดูดจึงมีอิทธิพลต่อโลกอย่างมาก  ความเชื่อเรื่องพลังจากดวงจันทร์เต็มดวง มีอยู่ทุกภูมิภาคของโลก และของไทย

การปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ในคืนวันเพ็ญเต็มดวง กำลังแผ่รัศมีอย่างเต็มที่ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีอนุภาพมากพิเศษ เพราะทางโหราศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ถือกันว่า “พระจันทร์” มีคุณค่าทางเสน่ห์ เมตตา มหานิยม เยือกเย็น และดึงดูดมหาชน “ดึงดูดสายตา ดึงดูดความรู้สึก อยู่ใกล้ก็เย็นอกเย็นใจ สบายใจ อยู่ไกลก็รู้สึกคิดถึง อยากเห็น อยากมองในแง่ความมีเสน่ห์ มหานิยม

หากผู้ที่ได้รับการอาบน้ำมนต์วันเพ็ญ หรือ การลงตัวคืนเพ็ญ” ไปแล้วรักษาวิชาให้อยู่กับตัวได้ด้วยการรักษาศีล ไหว้พระสวดมนต์ ทำตนอยู่ในสายธรรมที่พระพุทธวางแบบไว้ให้ ไม่ผิดข้อห้ามในสำนักแล้ว วิชาที่ลงไว้ย่อมไม่เสื่อมสูญ รำลึกเมื่อไร ย่อมได้รับผลสมดังใจปรารถนา เป็นอัศจรรย์แน่นอน

อาบน้ำเพ็ญ 1 ปีมีหนพิธีอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ พิธีอาบน้ำเพ็ญ คือ พิธีอาบน้ำเพ็ญ คือ พิธีอาบน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธ์ ในคืนพระจันทร์เพ็ญ ( ขึ้น ๑๕ ค่ำ ) แต่เดิมนิยม ประกอบพิธีในเดือน ๓ ตรงกับวันมาฆบูชาของทุกปี ตามพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า“ศิวราตรี”

ต่อมามีการจัดขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง เพราะถือว่าเป็นวันที่สายน้ำทุกแห่งทั่วโลก มีความบริสุทธิ์ใสสะอาดปีหนึ่งจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้นปีนี้ ขอขมาพระแม่คงคา “วันลอยกระทง”

กำหนดงาน

เวลา        18.00 น.               –  เตรียมความพร้อม ร่วมพิธี พุทธาภิเษก “น้ำมนต์กลางหาว วันเพ็ญ”

18.30 น.               –  ต้อนรับคณะเกจิดัง 5 รูป ร่วมพิธี

19.00 น.               –  เริ่มพิธี พุทธาภิเษก วัตถุมงคล และพิธีพุทธมนต์กลางหาว

21.00 น.               –  เสร็จพิธี พุทธาภิเษกวัตถุมงคล และพิธีพุทธมนต์กลางหาว

21.30 น.               –  ร่วมลอยกระทง กับ ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ

22.00 น.               –  เสร็จสิ้นภารกิจ

 

เกจิพิธีพุทธาภิเษก น้ำพุทธมนต์ และ วัตถุมงคลวาระพิเศษ เกจิดัง 5 รูป

  1. พระครูสังฆรักษ์สุรเดช (ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ )  วัดพระนารายณ์มหาราช
  2. พระครูประโชติปัญญาภรณ์ ( หลวงปู่คูณ วรปัญโญ )   วัดบัญลังค์
  3. พระครูสังฆรักษ์เสมา ( ครูบาแบ่ง ฐามุตตา )  วัดโตนด
  4. พระครูโสภิตธรรมวัตร ( ครูบาไพรวัลย์ ) วัดบ้านไร่โคกสูง
  5. พระปลัดจรูญ โกสโล (อาจารย์ป๋อง ) วัดสมานมิตร

น้ำมนต์จันทร์เพ็ญ“ศักดิ์สิทธ์” ยิ่งนักเกิดศิริมงคล ทำการใดก็สำเร็จ สมปรารถนา มีโชคชัยมงคล มีเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย รอดพ้นจากภยันอันตรายต่างๆ เปิดจิตเปิดใจผิวพรรณผ่องใส เสริมอายุวรรณะ ประกอบการธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เด่นคุณเมตตา

ผู้ว่าโคราช พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครราชสีมา ร่วมมอบ ผ้าห่มกันหนาว ประจำปี 2561

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี มอบผ้าห่มกันหนาว ณ หอประชุมเอนกประสงค์อำเภอเมืองนครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

โดยมีนางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา นางวิไลลักษณ์ ดุจจานุทัศน์ รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา และ นายสารวย แสงอรุณ ผู้ช่วยผู้จัดการภาดการขาย3 ตันแทนจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)  ร่วมมอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 1,000 ผืน โครงการ “ไทยเบฟ… รวมใจต้านภัยหนาว” พ.ศ. 2561 ปีที่ 19 ด้วย

ตร.ภ.3ล่อซื้อยาบ้า ซุกกระเป๋ากีตาร์อำพราง ถูกจับพร้อมของกลาง 12,000 เม็ด >>มีวีดีโอ

ตร.ภ.3ล่อซื้อยาบ้า ซุกกระเป๋ากีตาร์อำพราง ถูกจับพร้อมของกลาง 12,000 เม็ด สืบประวัติพึ่งพ้นโทษได้ไม่นาน

วันที่ 1 พ.ย. 2561 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ (ผบช.ภ.5) รรท.ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 และ พ.ต.อ.สกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายอมรวัฒน์ หรือ เบียร์ โพธิ์ไธสง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากจับกุมได้พร้อมยาบ้า6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด กระเป๋ากีตาร์สีดำที่ใช้บรรจุยาบ้าอำพราง 1 ใบ โทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องพ.ต.อ.สกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 สืบทราบว่ามีเครือข่ายผู้ค้ายาบ้าที่ขนจากกรุงเทพมาส่งลูกค้าในเขตภาคอีสานรวมทั้ง จ.นครราชสีมา จึงวางแผนให้ชุดสืบ ติดต่อล่อซื้อยาบ้า 1 มัด 2,000 เม็ด ในราคา 50,000 บาท  โดยติดต่อกันทางโทรศัพท์ นัดส่งของกันที่ บ.ข.ส.2 นครราชสีมา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเมื่อถึงเวลานัดหมาย ชุดจับกุมจึงกระจายกำลังดักซุ่มรอ พบนายอมรวัฒน์  สะพายกระเป๋ากีตาร์มายืนรออยู่หน้าร้านกาแฟอาเมซอนภายใน บ.ข.ส.จึงแสดงตัวจับกุมตรวจค้นพบยาบ้าซุกอยู่ในกระเป๋ากีตาร์จำนวน 6 มัน รวม 12,000 จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

เบื้องต้นนายอมรวัฒน์ ให้การรับสาภาพว่า ตนเองพึ่งพ้นโทษคดียาเสพติดออกมาได้ไม่นาน โดยรับจ้างขนยาบ้ามาจากนายเล็ก (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันที่บงการอยู่เบื้องหลังให้นำยาบ้ามาส่งได้ค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท โดยมีการสั่งการทางโทรศัพท์ รับยามาจากเขตกรุงเทพก่อนที่จะนำไปส่งลูกค่าตามจุดนัดหมายซึ่งนายเล็กเป็นคนสั่งทั้งหมด ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าวเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายพร้อมกับเตรียมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ (ผบช.ภ.5) รรท.ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า ยุทธการดังกล่าวเป็นไปตามยุทธการ 383 เป็นแผนปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดทำลายวงจรยาเสพติทุกมิติ สร้างชุมชนสีขาวภาค 3 ใน 3 เดือนในพื้นทีรับผิดชอบ 8 จังหวัด การจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการที่ปฏิบัติจนทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ค้ายาบ้าได้และจะมีการขยายผลจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือได้ภายในเวลาไม่นาน

 

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ณิชกานต์ รักไทย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1841/20 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา แม่ค้าขายออนไลน์หลังถูกคนร้ายแฮกเฟสบุ๊ค เพื่อนแล้วส่งข้อความมาขอยืมเงิน ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นคนร้ายก็หลงเชื่อโอนเงินให้ 23,000 บาท

จากการสอบถามน.ส.ณิชกานต์ เล่าว่า ที่ผ่านมา มีเพื่อนในเฟสบุ๊คและทำงานขายสินค้าออนไลน์ ด้วยกันส่งข้อความมาขอยืมเงินจำนวน 23,000 บาท โดยอ้างว่าจะโอนเงินไปจ่ายค่าสินค้าเพราะบัญชีธนาคารของตนมีปัญหาไม่สามารถโอนเงินออกได้ จึงอยากให้ช่วยโอนแทนและจะเอาเงินสดมาคืนให้ โดยให้โอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อ น.ส.วิณุรา กลิ่นสุคนธ์ บัญชีเลขที่ 724-2-457803 ซึ่งตนก็หลงเชื่อยอมโอนเงินไป 23,000 บาท เพราะคนที่ส่งข้อความมารู้จักชื่อเล่น รู้ว่าทำงานอะไรและรู้ด้วยว่าตนกับเจ้าของเฟสบุ๊คตัวจริง พึ่งไปทานอาหารกันมาไม่กี่ชั่วโมง แต่ก่อนที่ตนจะเอะใจผิดสังเกตุคือคนร้ายส่งข้อความมาขอยืมเงินอีก 3,000 บาท ตนจึงแกล้งถามไปว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่าและลองโทรผ่านเฟสบุ๊คไปหาแต่คนร้ายก็ไม่รับสายตน จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเจ้าของเฟสบุ๊คว่าได้ส่งข้อความมายืมเงินหรือเปล่าซึ่งเพื่อนก็บอกว่าไม่ได้ส่งข้อความมายืมเงินตนจึงมั่นใจว่ามีคนร้ายแฮกเฟสบุ๊คเพื่อนแล้วส่งข้อความมามาหลอกยืมเงินดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.โพธิ์กลาง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายและเจ้าของบัญชีธนาคารดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป  และอยากฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ใช้เฟสบุ๊คทุกท่านว่าให้ระมัดระวังมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว  หากมีการส่งข้อความยืมเงิน ก็ขอให้ตรวจสอบให้ดีๆ ว่าใช่ตัวตนที่แท้จริงของผู้ยืมเงินหรือไม่และทางที่ดีไม่ควรให้ใครยืมเงินจะดีกว่า

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า โคราชจ่อเจอวิกฤตภัยแล้ง 7 อำเภอ 24 ตำบล 93 หมู่บ้าน ขาดน้ำประปาอุปโภค บริโภค

      นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฤดูฝนที่ผ่านมามีฝนตกเฉลี่ย 800 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 1,081 มิลลิเมตร แต่โชคดีที่ปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 5 แห่ง มีความจุเกินร้อยละ 70 จึงมีน้ำใช้เพียงพอ อย่างไรก็ตามพื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ 17 อำเภอ 118 ตำบล 1,343 หมู่บ้าน  ได้แก่ อ.โนนแดง ,ประทาย ,ด่านขุนทด ,ขามทะเลสอ ,ลำทะเมนชัย ,คง ,บัวใหญ่ ,สูงเนิน , เมือง นครราชสีมา,เมืองยาง ,ห้วยแถลง ,พระทองคำ ,สีดา ,บ้านเหลื่อม ,ขามสะแกแสง ,บัวลาย และ สีคิ้ว เริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชลประทานและเกษตรอำเภอรวมทั้งฝ่ายปกครองได้สำรวจพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีและเตรียมประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง โดยมีนาข้าว 687,153.20ไร่ และพืชไร่ 218,815 ไร่ เพื่อพิจารณาจ่ายค่าชดเชยความเสียหายตามสภาพความจริง ส่วนประปาเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งใช้น้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีน้ำอุปโภค บริโภคอย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง แต่ กปภ.ทั้ง 10 สาขา ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะ กปภ.อ.คง ซึ่งใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จากพื้นที่ความจุ 7 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เหลือเพียง 8 แสน ลบ.ม. ถือว่าน้อยมาก จึงแก้ไขโดยสูบน้ำจากลำน้ำชีเข้ามาเพิ่มเติมให้เพียงพอและอ่างเก็บน้ำหนองตะไก้ อ.ห้วยแถลง ก็ต้องสูบน้ำเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่องด้วย

ล่าสุดได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 7 อำเภอ 24  ตำบล 93 หมู่บ้าน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใยและให้ความสำคัญในเยียวยาปัญหา ตนได้สั่งการให้นายอำเภอเฝ้าระวังเป็นพิเศษกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน และวัด ต้องตรวจสอบข้อมูลประเมินปัญหาอย่างต่อเนื่องแบบเดือนต่อเดือน จังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จนถึงช่วงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน 62 หากปรากฏความเดือดร้อนของราษฎรเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนน้ำตามสื่อต่างๆ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของนายอำเภอ ซึ่งต้องติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคให้ผ่านพ้นวิกฤตให้ได้

 

โคราชอากาศเย็นหมอกลงจัด เมฆหมอกปกคลุม ทิวทัศน์สวยงาม ด้านผู้ใช้รถต้องเปิดไฟวิ่งเตือนช่วงนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่เมื่อเย็นวานที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงช่วงกลางคืนมีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงเช้าอากาศเย็น ทำให้มี หมอกลงจัดในหลายพื้นที่ ทำให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรด้วยความลำบาก ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

โดยที่บริเวณถนนมิตรภาพ และถนนสาย24สีคิ้ว-เดชอุดมช่วง เขตอำเภอสีคิ้วและสูงเนิน ในเวลาเช้ามืดต่อเนื่องถึงช่วงเช้าตรู่ พบว่ามีหมอกลงหนาแน่น ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถทำความเร็วได้เต็มที่ ต้องขับด้วยความระมัดระวังขณะเดียวกัน บนถนนสายรองในหลายเส้นทางในเขต อ.สูงเนิน และสีคิ้ว ก็พบว่ามีหมอกลงเป็นจำนวนมากเช่นกัน  ส่งผลให้ มีปัญหาในการขับขี่มองเห็นไม่ชัดเจน ถึงแม้จะสว่างแล้วเวลา6-7โมงเช้า ซึ่งทุกวันที่ผ่านมาสามารถขับขี่ได้ตามปกติ แต่ในวันนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ก็ยังต้องเปิดไฟเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

 ขณะที่บริเวณพื้นที่ติดเขาพบว่ามีเมฆหมอกปกคลุม ทิวทัศน์บรรยากาศ เป็นไปอย่างสวยงามคาดว่าในช่วง 1-2 วันนี้ จะมีเมฆหมอก หนาแน่น ช่วงเช้าผู้ใช้รถใช้ถนนควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ